วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แก้ปวดหัวไมเกรน ด้วยอาหาร (2)

เมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ลงท้ายไว้ว่า ลองงดน้ำตาลขาวและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลขาวให้ได้ จะช่วยให้หายจากการปวดหัวไมเกรนได้ ผมได้ระบุไว้ด้วยว่ามีสายงานจาก ADRENAL METABOLIC RESEARCH SOCIETY จากมลรัฐนิวยอร์ก ไว้ด้วยว่า การงดอาหารหวาน เนยแข็ง เค้ก ไอศกรีม และช็อกโกแลต ช่วยให้คนไข้หลายรายหายจากการปวดหัวไมเกรน

นั่นเป็นการเริ่มการแก้การเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยการใช้อาหาร และนั่นคือเรื่องของวิชาการที่สำคัญ ส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ทางอาหาร (NUTRITION)

อาหารของคนสมัยใหม่ขณะนี้มากไปด้วยเนื้อ นม ไข่ และอุดมไปด้วยอาหารประเภทแป้งขาว น้ำตาลขาว มีอาหารหวานและมันมากจนเกินไป

อาหารเหล่านี้ทำให้เกิดโรค “ภูมิแพ้” โดยเฉพาะอาหารแป้งขาว และน้ำตาลขาวนั้นเราบริโภค กันมากจนเกินไป และกลายเป็นอาหารสมัยนิยมขณะนี้ ความนิยมเช่นนี้เกิดขึ้นเพราะเรายึด เอาวิถีชีวิตแบบฝรั่งเป็นแบบฉบับมากเกินไป

สถิติของอเมริกาเมื่อประมาณ 20 ปี มาแล้ว คนอเมริกันเริ่มกินเค็ม กินหวานมาก กินเกลือประมาณปีละ 15 ปอนด์ต่อคน ก็คงประมาณเกือบจะเท่าลูกโบว์ลิ่งหนึ่งลูก และกินน้ำตาลคนหนึ่งปีละ 100 ปอนด์ ประมาณข้าวสารครึ่งกระสอบเห็นจะได้

คนไทยเราไม่มีสถิติแน่นอน แต่ผมเชื่อว่า คนไทยกินเค็ม กินหวานมากกว่าคนอเมริกันหลายเท่า ลองดูอาหารของเราเดี๋ยวนี้ เราใส่หวานหรือน้ำตาล แม้แต่อาหารคาว แกงเผ็ด แกงคั่วก็ใส่น้ำตาล อาหารผัดใส่น้ำตาล ยำหรือต้มยำหวานเจี๊ยบ และอาหารหวานหรือของหวานนั้นไม่ต้องพูดถึง ถ้าทำขายอย่างขนมของ “แม่” อะไรต่ออะไรนั้น ถ้าไม่หวานเจี๊ยบ มันย่องแล้ว อย่าได้เอาออกมาขายเลย ขายไม่ออก

ผมจึงเชื่อว่าเรากินหวานกินเค็มกันมากกว่าฝรั่งหลายเท่า

กินหวานหรือน้ำตาลขาวมากเกินไป แป้งขาวมากเกินไป ทำให้เกิดโรค HYPOGLYCEMIA หรือน้ำตาลในเลือดต่ำ และน้ำตาลในเลือดต่ำเป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการปวดหัว ซึ่งรวมทั้งการปวดหัวไมเกรนด้วย

ผมได้พูดถึงเรื่อง HYPOGLYCEMIA ไว้ อย่างยืดยาวเมื่อปีที่แล้วในไทยรัฐของเรานี้ ถ้าพอจะไปค้นดูได้ก็กรุณาค้นดูเถอะครับ จะได้ ไม่ต้องเอามาเขียนซ้ำอีก

เฉพาะเรื่องการแก้ปวดหัวไมเกรนคราวนี้จะเขียนถึงวิธีแก้ด้วยการใช้อาหาร หรืองดอาหาร รวมทั้งวิธีอื่นๆ ซึ่งใช้ได้ผลมาแล้วรวบรวมเป็นหัวข้อย่อๆ มาแนะนำท่านผู้อ่าน แต่ขอทำความเข้าใจกันไว้ก่อนนะครับว่า

1. คำแนะนำต่อไปนี้เป็นเรื่องของการแพทย์ทางเลือก และการแพทย์ผสมผสาน หมายความว่า เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งเพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากการรักษาทางแผนปัจจุบัน

2. ข้อเสนอแนะเหล่านี้ ไม่ใช่พูดกันลอยๆ หรือพูดแบบร่ำลือต่อๆ กันมา แต่มีหลักฐานอ้างอิง จากสถาบันและวงการแพทย์ต่างประเทศ ท่านที่สงสัยสามารถจะศึกษา และสอบถามจากสถาบัน ซึ่งผมจะได้อ้างถึงเป็นหลักฐานได้ตลอดเวลา

3. ผมได้ใช้ความรู้ซึ่งได้ศึกษาเล่าเรียนมาผสมกับรายงานของแพทย์และสถาบันเหล่านี้ รวมทั้งประสบการณ์ของตนเองซึ่งได้แนะนำช่วยเหลือคนไข้ที่นำไปใช้ได้ผลมาแล้ว มีหลักฐานอ้างอิงได้เช่นกัน

คราวนี้ขอพูดถึงเรื่องอาหารโดยตรงอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องโปรตีน มีรายงานจากกลุ่มแพทย์ของอังกฤษ ซึ่งผมเคยรายงานไว้แล้วว่า การค้นคว้าด้านเกี่ยวกับวิตามิน-แร่ธาตุและแอมมิโน แอซิค ของยุโรปขณะนี้ก้าวหน้าไปมาก และมีการทดลองและค้นคว้าที่น่าสนใจพอๆกับทางอเมริกา

การค้นคว้าเรื่องเกี่ยวกับการปวด หัวไมเกรนของอังกฤษได้ระบุว่า แอมมิโนแอซิค ตัวหนึ่ง คือ TYROSINE อาจจะเป็นตัวการทำให้เกิดการปวดหัวไมเกรนขึ้นได้ ผู้รายงานในเรื่องนี้คือ นายแพทย์เชลดอน ซอล เฮนด์เลอร์ ร่วมกับกลุ่มแพทย์อีก 4 ท่าน จาก BRITISH MIGRAINE ASSOCIATION, SURREY และ BRITISH SOCIETY FOR NUTRITIONAL MEDICINE, LONDON.

เมื่อเรากินอาหารซึ่งเป็นโปรตีนเข้าไป โปรตีนจะถูกย่อยและแตกตัวเป็น AMINO ACIDS ในมนุษย์เรานั้น มี AMINO ACIDS ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเรา 22 ตัว และ TYROSINE ก็เป็น AMINO ACIDS หนึ่งใน 22 ตัวนั้น

จากรายงานนี้เราจะสรุปได้สั้นๆ ว่า การกินเนื้อสัตว์มากๆ นั้นก็เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่ง ที่ทำให้เกิด ปวดหัวไมเกรนได้ โปรตีนที่เรากินเข้าไปทุกวันนั้น จะมีโปรตีนจากพืช คือ พวกถั่วต่างๆ และโปรตีนจากเนื้อสัตว์

เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ-หมู-ไก่ นั้นไม่เหมาะสำหรับระบบย่อยของมนุษย์ เมื่อกินเข้าไปมากๆ นอกจากจะทำให้เกิดท็อกซินหรือพิษในร่างกายแล้ว ยังทำให้ ร่างกายมีกรดมากด้วย

กรดเหล่านี้ทำให้เกิดการปวดศีรษะขึ้นได้อย่างแน่นอน ฉะนั้นในรายงานของแพทย์กลุ่มที่กล่าวมาแล้ว แอมมิโน แอซิค TYROSINE ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรตีน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปวดหัวไมเกรนได้

ฉะนั้น เมื่อเกิดอาการปวดหัวไมเกรน และรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด โดยเฉพาะบางครั้ง มีอาการหนักต้องนอนซมโงหัวไม่ขึ้น ลุกขึ้นมาเมื่อไหร่ก็เกิดอาเจียนแล้ว ขอให้ลองปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

1. งดน้ำตาลขาว และแป้งขาวต่างๆ โดยเด็ดขาด

2. หลายคนกินหวาน และแป้งขาวจนติดเป็นนิสัย ให้เลิกกินหวาน-เลิกกินแป้งขาว มักจะเลิกไม่ได้ ถ้าบังคับก็จะเกิดหงุดหงิดอารมณ์เสีย วิธีแก้ก็คือ ลองใช้น้ำส้มแอปเปิ้ลไซเดอร์ (APPLE CIDER VINEGAR) 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่นดื่มวันละ 2-3 แก้ว จะช่วยแก้หงุดหงิดได้

3. ถ้าเป็นคนติดอาหารเนื้อสัตว์ ให้งดเนื้อ นม ไข่ ชั่วคราว จะใช้อาหารมังสวิรัติหรืออาหารเจ ชั่วคราวก็ได้ ถ้าใช้อาหารเจควรจะตัดเนื้อเทียม หรือมี่กึ้น หรือ GLUTEN ออกไปจากรายการอาหาร เพราะหลายคนแพ้อาหารประเภทมี่กึ้นนี้ ย่อยไม่ได้ และทำให้เกิดท็อกซิน ทำให้ปวดหัวมากขึ้นไปอีก

4. ให้ทำดีท็อกซ์ติดต่อกันสัก 2 อาทิตย์ แต่เมื่อทำได้หนึ่งอาทิตย์แรก ถ้าปรากฏว่า อาการต่างๆ หายดีแล้ว ก็หยุดทำดีท็อกซ์เสียตั้งแต่อาทิตย์แรกเลยก็ได้

5. ควรจะออกกำลังกายอย่างแข็งขันทุกวัน ถ้าไม่ทราบว่าจะออกกำลังกายแบบไหนดี ลองใช้วิธีบริหาร-ออกกำลังกาย-รำตะบองแบบชีวจิต นอกจากปวดหัวจะหายแล้ว ยังสบายตัวสบายใจไปอีกหลายอย่าง

6. ในระหว่างที่เกิดปวดหัวอย่างรุนแรง ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบที่ต้นคอและศีรษะ เพื่อให้เส้นเลือดขยายตัว จะทำให้การปวดทุเลาลง

6.1 ใช้นิ้วหัวแม่มือสองข้างนวดเบาๆ บริเวณกกหู ใบหู และขมับสองข้าง

6.2 นวดบริเวณนิ้วเท้าทุกนิ้ว แล้วนวดที่เนินใต้นิ้วเท้าทุกเนินด้วย จะทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และรู้สึกสบายตัว

7. งดกาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด

8. ใช้วิตามิน B COMPLEX เม็ดละ 100 มก. หนึ่งเม็ดเช้า

- วิตามิน ไนอาซิน หรือไนอาซินนาไมด์ 100 มก. 3 เวลาหลังอาหาร

- โคโลไมท์ (แคลเซียมและแมกนีเซียม) หนึ่งเม็ด เช้า-เย็น หลังอาหาร

- ใช้สูตรอาหารชีวจิต ตอน 2 อาทิตย์แรก ไม่มีเนื้อสัตว์เลย ต่อไปเพิ่มเนื้อปลาอาทิตย์ละ 1-2 ครั้งได้

ทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติตัวง่ายๆ ซึ่งได้ผลจากรายงานของต่างประเทศ เช่น นายแพทย์ แวนฟรีต ใน EXTRAORDINARY HEALING SECRETS FROM A DOCTOR'S PRIVATE FILES ใน MEDICAL TRIBUNE (MARCH 1982) และแพทย์อื่นๆอีกหลายคน รวมทั้งคำแนะนำให้แก่ คนไข้ในเมืองไทยด้วย.

# # # # # #

ขอบพระคุณ กรมชลประทาน ปากเกร็ด ที่ให้ใช้สถานที่ของสโมสรกรมชลประทาน ในการออกกำลังกายแบบชีวจิต

โดยเฉพาะ คุณพิสิทธิ์ สิทธิมณีรัตน์ ผู้จัดการสโมสร ที่กรุณาเอื้อเฟื้อต่อชุมชนแถวกรมชลประทาน และต่อกลุ่มชีวจิต ขอบพระคุณในแนวคิดของท่านที่ว่า กรมชลประทานสนับสนุนกิจกรรมเพื่อ สาธารณประโยชน์และเพื่อชุมชน

เราจะจัดกิจกรรมออกกำลังกายต่อไปอีก 2 ครั้ง วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม และวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไปที่ สโมสรกรมชลประทาน ปากเกร็ด โปรดนำตะบอง/ผ้าปูและอาหารมารับประทานร่วมกัน.

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น