วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มะเร็งกับการกินเนื้อสัตว์

อาทิตย์นี้ขอเสนอข้อคิดและผลของการค้นคว้าของ นายแพทย์คนหนึ่งเกี่ยวกับ เรื่องของอาหารและมะเร็ง

นายแพทย์ชาลส์ บี ซิมโมน เป็นแพทย์ซึ่งรักษาคนไข้มะเร็งโดยตรง คือ เป็นแพทย์ด้าน เคมีบำบัด (CHEMOTHERAPY) ด้านการฉายแสง (RADIATION) และในด้านภูมิชีวิต (CLINICAL IMMUNOLOGY)

เขารักษาคนไข้มะเร็งด้วยวิธีการแพทย์ สมัยใหม่ คือผ่าตัด-เคมีบำบัดและรังสีบำบัด มาเป็นเวลาเกือบ 20 ปี และได้พบว่า การรักษาแนวนั้น ได้ผลแต่เพียง เป็นการชะลอชีวิต คนป่วยเท่านั้น ไม่สามารถ จะรักษามะเร็ง ได้โดยเด็ดขาด

จากการเป็นแพทย์ประจำสถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกา (NCI) นายแพทย์ซิมโมน ได้ย้ายมาเป็น ศาสตราจารย์ สอนและค้นคว้า เรื่องมะเร็ง ที่มหาวิทยาลัยโทมัส เจฟเฟอร์สัน ที่ฟิลาเดลเฟีย ตั้งแต่ปี 1989 และแทบจะกล่าวได้ว่า เขาได้ทิ้งความเชี่ยวชาญ ด้านเป็นแพทย์เคมีบำบัด และรังสีบำบัด ซึ่งได้ทำงาน มาแล้วเกือบ 20 ปีโดยสิ้นเชิง เขาได้หันมาค้นคว้า และรักษามะเร็ง ด้วยวิธีผสมผสาน และได้ หันมาเน้น ค้นคว้าในด้าน อาหารกับมะเร็ง และนับตั้งแต่ปี 1989 มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลากว่า 13 ปีแล้ว เขาได้กลายเป็น ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษามะเร็ง ด้วยวิธีผสมผสาน และที่เชี่ยวชาญ เป็นพิเศษ คือ ได้ค้นคว้า แบบเรื่องสารก่อมะเร็ง จากการกินอาหารผิดๆ เป็นส่วนใหญ่

งานชิ้นสำคัญที่สุดของนายแพทย์ ซิมโมน ก็คือ ได้รับเชิญ เป็นแพทย์ประจำตัว ของ อดีตประธานาธิบดีอเมริกา คือ โรแนลด์ เรแกน มาแล้ว ในการรักษามะเร็งลำไส้ของ อดีตประธานาธิบดีผู้นี้

จุดที่น่าสนใจอย่างที่สุด ของนายแพทย์ผู้นี้ก็คือ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ การรักษามะเร็ง ด้วยเคมีบำบัด และ รังสีบำบัดมาก่อน แต่บัดนี้เขาได้เปลี่ยนชีวิต และอาชีพความชำนาญ ของเขาอย่างสิ้นเชิง เขากลายเป็น แพทย์เชี่ยวชาญ เรื่องอาหารกับมะเร็ง และขณะนี้ ได้ตั้งศูนย์รักษา และ ป้องกันมะเร็ง ของตนเอง ขึ้นสำเร็จแล้วที่ฟิลาเดลเฟีย เป็นผู้หนึ่ง ซึ่งนำเอาการแพทย์ แบบผสมผสาน ซึ่งแต่ก่อน แพทย์หลายคน เห็นว่า เป็นเรื่องเหลวไหล ให้ขึ้นมาโดดเด่น คู่กับการแพทย์สมัยใหม่ สำเร็จ อย่างงดงาม

งานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นงานที่ได้รับการรับรองมากในวงการแพทย์ คือการค้นคว้าเรื่อง การบริโภคเนื้อสัตว์ ตามแบบวิธี ของชาวอเมริกัน กับโรคมะเร็ง ซึ่งนายแพทย์ ซิมโมนได้พิสูจน์ ให้เห็นว่า เกี่ยวข้องกัน อย่างแน่ชัด

นายแพทย์ซิมโมนได้ค้นคว้าเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ และเกิดเป็นมะเร็ง จากคนไข้กว่า 800 คน และได้ชี้ให้เห็นว่า การบริโภคเนื้อสัตว์ แบบคนอเมริกัน มีส่วนเกี่ยวข้อง กับมะเร็งลำไส้ กระเพาะ ตับ ตับอ่อน ต่อมลูกหมาก รังไข่ และมดลูก และยังมี มะเร็งชนิดอื่นๆอีก ซึ่งนายแพทย์ซิมโมน มีความเห็นว่า อาจจะเกี่ยวข้อง กับการบริโภคเนื้อสัตว์ แบบคนอเมริกัน เช่น ปอด เต้านม เลือด และ ต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น

ต้องขออธิบายสักนิดหนึ่งครับว่า กินเนื้อสัตว์แบบอเมริกันนั้นเป็นอย่างไร เป็นเวลานาน มาหลาย สิบปีแล้ว เริ่มตั้งแต่ หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง เป็นต้นมา ที่ความนิยม การบริโภคเนื้อสัตว์ ของชาวอเมริกัน เพิ่มขึ้น สูงสุดในโลก

ชาวอเมริกันเริ่ม นิยมบริโภค เนื้อสัตว์แบบปิ้ง-ย่าง เช่น การกินสเต็กชิ้นโตๆ และในภายหลัง จากสเต็ก หรือ เนื้อวัวปิ้ง-ย่าง ก็ได้กลายมาเป็น อาหารฟาสต์ฟู้ด หรือจานด่วน ซึ่งกลายมาเป็น อาหาร ยอดนิยม ของ คนไทยด้วยขณะนี้

ตอนนี้เป็นเดือนสิงหาคม เป็นระยะเวลา ที่เริ่มฤดูร้อน ในอเมริกา และเป็นฤดู ซึ่งชาวอเมริกัน ลาพักร้อน ประจำปี และท่องเที่ยวกัน ทั่วประเทศ มากที่สุด

ตามบ้านพักในวันหยุด ของชาวอเมริกัน ขณะนี้จะเห็นแทบทุกครอบครัว ตั้งเตาปิ้ง บาร์บีคิว กันทั่ว ทุกบ้านเรือน เขาจะมีปาร์ตี้บาร์บีคิว กันเป็นประจำ ตลอดฤดูร้อน

วิธีทำบาร์บีคิวก็คือ จะนำเนื้อวัวชิ้นโตๆ ซึ่งหมักไว้ข้ามคืนมาปิ้งเตาถ่านร่วมกับ เนื้อวัวบด ไส้กรอก และ หมูเค็ม ชนิดต่างๆและที่คู่กับการปิ้ง บาร์บีคิว เนื้อสัตว์ ซึ่งจะขาดไม่ได้ก็คือ เขาจะปิ้งมันฝรั่ง เป็นหัวๆ เพื่อกินกับ สเต็กบาร์บีคิว นั้นด้วย

ตกลงอาหารหลักสำหรับหน้าร้อนของชาว อเมริกันก็คือ สเต็กกับมันฝรั่งย่าง และก็ที่ค่อนข้าง จะแน่นอน ก็คงเป็นเหล้า และเบียร์ สำหรับผู้ชาย และน้ำอัดลม ชนิดต่างๆ สำหรับผู้หญิง และเด็กๆ

แต่ก็ไม่แน่อีกนั่นแหละ ผู้หญิงอเมริกันเดี๋ยวนี้ชอบกินเหล้าและเบียร์ชนแก้วกัน อย่างเมามัน ร่วมกับผู้ชาย มากเหมือนกัน นายแพทย์ซิมโมนได้ชี้ให้เห็นว่า เนื้อสัตว์ต่างๆ เมื่อเอามาปิ้ง หรือย่าง ก็จะเกิด สารชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกว่า ไนโตร-ซามีน (NITROSA-MINE) และไนโตรซามีนนี้ เป็นสาร ก่อมะเร็ง หรือที่เรียกกัน ภาษาแพทย์ว่า CARCINOGENS

กินเนื้อสัตว์โดยเฉพาะพวกเนื้อวัวและอาหารฟาสต์ฟู้ด มากเกินไปจะเกิดสาร ไนโตรซามีน สะสมในร่างกาย และทำให้เป็นมะเร็งได้ นี่คือพูดกัน แบบภาษาชาวบ้าน

อีกนิดเถอะครับ ขอพูดแบบวิชาการอีกหน่อย ไนโตรซามีน เกิดจากไนไตรท์ (NITRITES)

ไนไตรท์ นี่คือสารกลุ่มเกลือ ซึ่งเขาต้องใส่แช่ในเนื้อสัตว์ เพื่อที่จะรักษาเนื้อในคงทน ไม่บูดเน่า ยิ่งเป็น เนื้อบด อย่างเช่น ไส้กรอกแล้ว ต้องใส่โซเดียมไนไตรท์ อย่างขาดไม่ได้ เพื่อป้องกัน เนื้อสัตว์เป็นพิษ และ ก็เชื่อกันว่า จะทำให้เนื้อ มีรสดีขึ้นด้วย

เมื่อสารไนไตรท์ตกถึงท้องเรา ก็จะกลายเป็นไนโตรซามีน และเมื่อไนโตรซามีน สะสมอยู่ในร่างกาย มากขึ้น ผสมกับการที่ปล่อยปละ ละเลย ไม่ดูแลตัวเองให้ดีๆ สุขภาพไม่แข็งแรง ทางออก ที่ค่อนข้างแน่นอน สำหรับ คนเหล่านี้ก็คือ มะเร็งในช่องท้อง เริ่มขึ้นได้เลย

ตามสถิติซึ่งนายแพทย์ซิมโมนและคณะแพทย์ผู้ช่วยได้ศึกษามา มีตัวเลขน่าสนใจมาก ซึ่งตัวเลข ชี้ให้เห็นชัดแน่นอนว่า กินเนื้อสัตว์ อย่างไม่บันยะบันยัง เป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง

เรื่องตัวเลขและเหตุผลที่แน่นอนจากนายแพทย์ซิมโมน ขออนุญาตเล่าอาทิตย์หน้า อาทิตย์นี้ ขอสรุปสั้นๆ แบบชาวบ้าน ตรงนี้ก่อนว่า ที่มะเร็งในช่องท้อง ของคนไทย เป็นกันมากขึ้นนั้น อาจจะเกี่ยวข้อง กับเรื่องของ การกินผิดๆ เพราะเราไปเห่อ เรื่องอาหารขยะ หรือ อาหาร จานด่วนกัน อย่างมากมาย จึงเป็นมะเร็ง กันมากมาย แม้แต่กระทั่งเด็ก อายุยังน้อยอยู่ ไม่น่าจะเป็นมะเร็ง แต่ก็เป็น กันไปแล้ว.

* * * * * * * * *

ข่าวคอร์สสุขภาพ ชมรมชีวจิต

“เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นสักนิด น่าอภิรมย์ สักหน่อย” กับคอร์สสุขภาพการดำเนินชีวิตแนวทางชีวจิต จัดโดยชมรมชีวจิต ติวเข้มกับอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง วันที่ 19-23 ตุลาคม 2545 ที่โรงแรม โรสกาเด้นเอไพรม์ รีสอร์ท (สวนสามพราน)

รายละเอียดติดต่อ ชมรมชีวจิต โทร. 0-2570-8220 หรือคุณสิริแก้ว โทร. 0-1625-7875 คุณกุสุมาลย์ โทร. 0-1439-4110.

ไทยรัฐ ๒๕ ส.ค. ๔๕ ชีวจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น