ขอแนะนำว่า ตอนนี้และตอนต่อไปนี้ อีก 3-4 ตอนข้างหน้า กรุณาอย่าอ่าน เวลาที่คุณเครียด หรือเวลากำลังกินข้าวนะครับ เพราะกำลังจะเขียนเรื่อง ที่จะเหม็นมากขึ้นๆ ถ้าอ่านแล้ว คุณเกิดเครียดขึ้นมา คุณจะพลอยเหม็นตัวเอง ตามไปด้วย
เอาเรื่องเครียดก่อน เมื่อ 40 กว่าปีมาแล้ว วันแรกที่ผมเข้าทำงานที่องค์การของโลกแห่งหนึ่ง ผมได้กลิ่นแปลกๆ ในที่ทำงาน บอกไม่ถูกว่ากลิ่นนั้นคือกลิ่นอะไร เป็นกลิ่นฉุนๆ ปนเปรี้ยว บางวันกลิ่นนั้นหายไป แต่อีก วันสองวันต่อมากลิ่นนั้นก็กลับมาอีก
ผมมีความบ้าประจำตัวอยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเกิดความสงสัยอะไรขึ้นมาจะต้องค้นคว้าหาสาเหตุ หรือคำตอบให้ได้ เรื่องกลิ่นแปลกๆ ในที่ทำงานนี้ทำให้ผมรู้สึกไม่เป็นปกติสุข ยิ่งบางวันมีกลิ่น บางวันกลิ่นหายไป วันสองวันกลิ่นกลับมาอีกเช่นนี้ ทำให้สงสัยสุดกำลัง จะต้องหาสาเหตุ ให้ได้ว่าเพราะอะไร และมันคืออะไร
ในที่สุดก็หาเจอะ และเจอะอย่างลึกซึ้งแจ่มแจ้งแทงตลอดเสียด้วย กลิ่นนั้นคือ กลิ่นตัวจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมเอง
สาเหตุจากกลิ่นตัวของเพื่อนร่วมงานผู้นั้น ก็คือ ความเครียด ความเครียดนั้น เกิดจาก ความกดดัน ระหว่างตัวเขาเองกับหัวหน้างาน
โดยเหตุที่ที่ทำงานเป็นองค์การนานาชาติ เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ร่วมงานแต่ละคนจะมาจาก ประเทศต่างกัน หัวหน้าและลูกน้องจะเลือกพวกกันเองไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นหน้าที่ ของแต่ละคน ที่จะต้องทำงานร่วมกันให้ได้ ถ้าเคราะห์ดี ก็จะเข้ากันได้ กับผู้ร่วมงาน ที่มาจาก ต่างชาติต่างประเทศนั้นๆ ถ้าเคราะห์ไม่ดีเข้ากันไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่จะต้อง ใช้ความอดทน ของตัวเองเป็นอย่างมาก
เพื่อนร่วมงานผู้นี้เข้ากันไม่ได้ดีนักกับหัวหน้างานของเขา ซึ่งเป็นคนต่างชาติต่างศาสนา แต่เขาเป็นคนซึ่งรับนับถือกฎระเบียบการทำงานอย่างเคร่งครัด เขาจะต้องทำงานตามคำสั่ง ของผู้เป็นนายอย่างดีที่สุด โดยไม่คำนึงถึงว่า เขาจะชอบหรือไม่ชอบคำสั่งนั้นสักเพียงไร
ว่ากันที่จริงเขาเป็นคนดีมาก เป็นคนเคร่งศาสนา เป็นลูกน้องที่ดีไม่มีปาก ไม่มีเสียง ทำงานได้เรียบร้อยไม่มีที่ติ แต่สิ่งเดียวที่เขายอมรับไม่ได้ ก็คือ การทำงานโดยการยอมรับ เจ้านายเต็มร้อย และยอมทำงานให้อย่างถวายหัวถวายชีวิตโดยไม่คำนึงถึงว่า เจ้านายเป็นคน ชาติใด ศาสนาใด
เขาเป็นคนเรียบร้อยไม่มีปากไม่มี เสียง แต่มีความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง ซึ่งมาจากเบื้องบน ความขัดแย้งนี้กลายเป็นความเครียดซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้
กลิ่นตัวของเขาเกิดขึ้นจากความเครียดและ ความขัดแย้งในตัวเขานี่เอง ผมเคยสังเกต เห็นได้ชัดว่า วันไหนที่เจ้านายของเขาต้องเดินทางไปดูงาน หรือไปประชุมต่างประเทศ กลิ่นตัวของเพื่อนร่วมงานผู้นี้ จะจางหายไปหรือแทบจะไม่มีกลิ่นเลยทีเดียว แต่วันไหน ที่เจ้านายกลับมาและประจำที่ทำงาน นานวันกลิ่นตัวของผู้ร่วมงานน่าสงสารผู้นี้ ก็จะฉุนเฉียว ตลบอบอวลน่าดูชม
แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เจ้านายผู้นี้ก็ย้ายไปรับตำแหน่งสูงขึ้น และไปประจำต่างประเทศ เชื่อไหมครับว่า กลิ่นตัวของผู้ร่วมงานท่านนี้ หายเป็นปลิดทิ้งเลย
ทำไมกลิ่นตัวแบบนี้จึงได้เกิดขึ้น ตอบได้ว่า เพราะสองประการ
1. เวลาที่เราเครียดระบบต่างๆ ในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างเช่น ระบบหายใจ จะหายใจไม่สะดวก หายใจไม่ค่อยเข้า และต้องหายใจบ่อยขึ้นและหนักขึ้น นอกจากนั้น ยังเกี่ยวข้องไปถึงระบบอื่นๆ เช่น ระบบขับถ่าย ท้องจะผูก ปัสสาวะกะปริบกระปรอย เหงื่อไหลซึมตลอดเวลา และเหงื่อที่ไหลออกมา จะเป็นเหงื่อเหนียวๆ เหล่านี้เป็นต้น
ท้องผูก ปัสสาวะกะปริบกะปรอย ทำให้เกิดกลิ่นแปลกๆ ในตัวเองอยู่แล้ว ผสมกับเหงื่อเหนียว เมื่อขับ ออกมาตามส่วนของร่างกาย ซึ่งอับลม เช่น ใต้รักแร้ หรือขาหนีบ เหงื่อเหนียวๆ ก็สะสมอยู่ที่เหล่านั้น เป็นเวลานาน เมื่อมีแบคทีเรีย จากภายนอกมาผสม ก็เกิดกลิ่นเปรี้ยว หรือกลิ่นแปลกๆ ขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
2. นอกจากนั้น ยังผสมด้วยเรื่องอาหารการกินและวิธีกินอีกสลับซับซ้อนหลายอย่าง เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเครียดมากๆ ถ้าไม่มีทางออกอย่างอื่น มักจะหาวิธีทดแทน ด้วยการกิน มากๆ กินอาหารอร่อยๆ อาหารดีๆแพงๆ อาหารเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นอาหารดี หรืออาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตรงกัน ข้ามอาจจะเป็นอาหาร ที่เป็นโทษ อย่างเหลือเกินด้วยซ้ำ
คนเครียดที่หาทางออกด้วยการกินมีอยู่สองประเภท
ประเภทแรกจะกินเต็มที่ ยิ่งมีเพื่อนมีฝูงก็มักจะหาเรื่องกินเป็นการใหญ่เป็นพิเศษ และก็เป็นของแน่ที่จะขาดเครื่องดองของเมาไม่ได้ ยิ่งเครียดมากยิ่งกินมาก และก็ต้องเมามาก เป็น เงาตามตัว การกินเช่นนี้ นอกจากจะเป็นการกิน เพื่อหาทางทดแทน ความกดดันแล้ว ยังเป็นการกิน เพื่อระบายอารมณ์อีกด้วย
กินแบบนี้กลิ่นในกระเพาะเกิดมากมายเท่าใด ก็กลายเป็นกลิ่นตัว มากมายเท่านั้น
ประเภทที่สอง ตรงกันข้ามกับประเภทแรก คือไม่กินเลย คนเครียดหลายคน จะมี ความโกรธ หรือน้อยอกน้อยใจ แทรกอยู่ด้วย
คนเครียดกลุ่มนี้ มักจะกินไม่ลง อยู่ในประเภทกินไม่ได้ นอนไม่หลับด้วยซ้ำ ร่างกายก็ผอมลงๆ ในไม่ช้าก็ป่วย
การป่วยนี้คงจะเริ่มด้วยโรคกระเพาะ หรือลำไส้ก่อน สังเกตได้จากท้องอืด ท้องขึ้นท้องเฟ้อ ในตอนแรก แล้วก็ตามด้วยการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และถ้าแก้เรื่องเครียดไม่ได้ อาการป่วย ก็จะหนักขึ้น จนต้องเข้าโรงพยาบาล
สังเกตไหมครับว่าเพื่อนๆ ของคุณที่เครียด และเริ่มป่วยด้วยโรคกระเพาะ และลำไส้ เขาจะมีกลิ่นปาก กลิ่นตัวด้วย
วิธีแก้
ง่ายมากครับ ถ้าคุณเป็นเองก็ขอให้แยกตัวเองให้ออก คือ เรื่องเครียด กับเรื่องกิน
อันไหนมาก่อน ก็แก้เรื่องนั้นก่อน อย่างในบทความตอนนี้ เราเครียดก่อน แล้วเราก็หาทางออก ด้วยการกินแล้วก็กินไม่เลือก จนกลายเป็นความเครียดสองต่อ เครียดแล้วกิน เสร็จแล้วก็กิน จนเครียด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องแก้เครียดเสียก่อน ซึ่งเป็นเรื่องพูดง่าย แต่ทำได้ยากเย็น แสนเข็ญ เหลือประมาณ เรื่องวิธีแก้ความเครียดง่ายๆนี้ ผมจะขอพูดรายละเอียดอีกครั้งเมื่อมีโอกาส
แต่ตอนต้นลองทำใจสบายๆ ใจเย็นๆ แล้วก็สำรวจตัวเองเสียก่อน พยายามหาให้ได้ว่าอะไรคือ ปัญหาของเรา เมื่อรู้ตัวปัญหาแล้ว พยายามแก้ไขให้ได้ ถ้าแก้ได้ความเครียด ก็จะหายไป
เมื่อแก้แล้วก็ต้องแก้เรื่องกินและ วิธีกิน เรื่องนี้อยากจะขอรวมกับวิธีแก้ ตัวเหม็นด้วยใน คราวหน้า ตอนนี้ทำใจเย็นๆ หาตัวปัญหา ที่ทำให้เครียด แก้เครียดให้ได้ เสียก่อนนะครับ.
ไทยรัฐ 26 สิงหาคม 2544
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น