วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

อันเนื่องมาจากความหวาน อ่อนเพลียโดยไม่รู้สาเหตุ

คงจะต้องขอต่อเรื่องนายแพทย์สตีเฟน ไกแลนด์ ต่ออีกเป็นตอนที่ 3 ครับ

เมื่อได้ค้นพบสาเหตุของไฮโปไกลซีเมียว่าต้นเหตุมาจากอาหารบวกกับปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น เรื่องการนอน การใช้ชีวิตประจำวันซึ่งผิดๆ แล้ว การที่จะแก้ไข หรือรักษาโรคนี้ไม่ยากนัก

สตีเฟน ไกแลนด์ เริ่มศึกษาเรื่องเกี่ยวกับอาหารในด้านคลินิก ศึกษาเรื่องชีวเคมี ของอาหาร และศึกษา เรื่องของโทษ และผล ของอาหารที่ผิดๆ ซึ่งเกิดผลร้าย และเกิดการสะสมของ ท็อกซินในร่างกาย

หลังจากนั้นไกแลนด์ก็ศึกษาเรื่องของการรักษาโรคต่างๆ ด้วยอาหาร และศึกษาเรื่องการใช้วิตามิน-แร่ธาตุ พร้อมกันไปด้วย และเขาก็พบสูตรศักดิ์สิทธิ์ ในการรักษาไฮโปไกลซีเมีย

ในที่สุดอาการป่วยของไกแลนด์ ซึ่งสร้างความทุกข์ร้อนสาหัสให้แก่เขามาถึง 12 ปี ก็หายขาด ไกแลนด์ และกลุ่มเพื่อนแพทย์ของเขา พูดถึงโรคลึกลับนี้ว่า มันไม่ร้ายแรงถึงกับ จะทำให้คุณ ตายก็จริง แต่คุณก็จะรู้สึก เหมือนอยากจะตาย ให้มันพ้นๆ ไป

นั่นก็เพราะอะไร ตอบได้สั้นๆว่า เพราะอาการของไฮโปไกลซีเมียนั้น มีหลายอาการ มันไม่ใช่แต่ เพราะอาการเพลีย อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอาการอย่างอื่นๆ ซึ่งเป็นโรคที่เกี่ยวพันกัน ทั้งทางกาย และทางใจ และอาการบางอย่างนั้น บางครั้งเจ็บปวด และทรมาน จนทำให้รู้สึก อยากจะตายไป ให้พ้นๆ ไปเสียเลย

สตีเฟน ไกแลนด์ ได้รวบรวมอาการของโรคลึกลับ หรือไฮไปไกลซีเมีย ว่ามีอาการผิดปกติถึง 40 รายการ ด้วยกันคือ

ผิดปกติทางร่างกาย

1. อ่อนเพลีย ไม่มีแรง 2. นอนไม่หลับ 3. มือเย็น เท้าเย็น 4. มือสั่น 5. เวียนหัว-ปวดหัว 6. ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง 7. เป็นตะคริวบ่อยๆ 8. มีอาการชักกระตุก 9. คันตามผิวหนัง 10. มีอาการภูมิแพ้ 11. หน้าร้อนผ่าวบ่อยๆ 12. เหงื่อแตกบ่อยๆ 13. เนื้อตัวชาเป็นบางครั้ง 14. การทรงตัวไม่ดี

ผิดปกติเกี่ยวกับระบบต่างๆ

15. ท้องอืด ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ 16. ปากแห้ง คอแห้ง 17. เบื่ออาหาร 18. อยากกินของหวานๆ 19. เกิดการหิว อย่างรุนแรง ก่อนถึงเวลากินอาหาร 20. ถ่ายอุจจาระผิดปกติ 21. ถ่ายปัสสาวะผิดปกติ 22. หายใจไม่ออกบ่อยๆ 23. ลมหายใจมีกลิ่นแปลกๆ 24. หัวใจเต้นผิดปกติ 25. เป็นลมบ่อยๆ 26. อ้วน-น้ำหนักเกิน 27. กามตายด้าน

ผิดปกติเกี่ยวกับจิตใจ-ระบบประสาท

28. เบื่อหน่าย ซึมเศร้า 29. ฟุ้งซ่าน ขาดสมาธิ 30. วิตกกังวลโดยง่าย 31. ลังเล ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ไม่ได้ 32. รู้สึกสับสน ปั่นป่วน 33. ทนเสียงอึกทึกและแสงจ้าๆ ไม่ได้ 34. เบื่อการพบปะเพื่อนฝูง ไม่ชอบเข้าสังคม 35. การประสานงานของส่วนต่างๆ ในร่างกายเลวลง 36. โมโหร้าย 37. ฝันร้ายบ่อยๆ 38. ความจำเสื่อม 39. มีอาการทางประสาท 40. อยากฆ่าตัวตาย

สตีเฟน ไกแลนด์ ไม่ เพียงแต่ค้นพบวิธีรักษาไฮโปไกลซีเมียจนหาย ขาดอย่างเดียว แต่เขายังรวบรวม ตำรับตำราออกเผยแพร่ ในวารสารการแพทย์ด้วย เขารายงานเป็นครั้งแรกใน JOURNAL OF THE AMERICAN MEDICAL ASSOCIATION เล่มที่ 152 ปี 1953 ถึงเรื่องไฮโปไกลซีเมีย โดยละเอียด และ ไกแลนด์ ยังได้ตระเวน ไปบรรยาย และปาฐกถา เรื่องไฮโปไกลซีเมียทั่วประเทศ และเกือบจะทั่วโลก ก็ว่าได้

สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ ไกแลนด์ได้พบว่า พวกแพทย์ด้วยกันเอง เป็นโรคนี้มากเหลือเกิน ในจำนวนแพทย์เหล่านี้ แพทย์รุ่นน้องชื่อ จาคอป ไทเทิลบอมป์ รวมอยู่ด้วย ไทเทิลบอมป์เล่าว่า เขาป่วยเป็น ไฮโปไกลซีเมีย อย่างรุนแรง ตั้งแต่สมัยเขาเป็น นักเรียนแพทย์ ปีที่ 3 เขาจำได้ว่า วันหนึ่ง ขณะที่เขาเหนื่อย และเพลียอย่างเหลือเกิน แต่ก็จำเป็นต้องตื่น เพื่อไปฟังเลกเชอร์ ของอาจารย์ให้ทัน เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้น แต่งตัวไปโรงเรียนแพทย์ แต่ก็ปรากฏว่า เขาไปไม่ทัน เมื่อทรงกายเข้าไป ถึงห้องเลกเชอร์ได้ อาจารย์กำลังจะถามเขาว่า ทำไมมาสาย เขายังไม่ทันตอบ ก็ล้มลง เป็นลมสลบ ไปทันที

จากการป่วยคราวนั้น อาจารย์แพทย์ทุกคนลงความเห็นว่า เขาควรจะหยุดพัก การเรียน ดูเหมือน โชคชะตาของไทเทิลบอมป์ จะคล้ายๆกับสตีเฟน ไกแลนด์ คือถูกบังคับ ให้ลาออกทางอ้อม แต่ไทเทิลบอมป์ ก็ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด เพราะเขารู้ตัวดีว่า ถ้าป่วยขนาดนั้น จะบังคับให้ตัวเองเข้มแข็ง เรียนต่อไปอย่างไร ก็ไม่สำเร็จ เขาจึงตกลงใจไปพัก ผ่อนชั่วคราว แล้วกลับไปเรียนต่อ จนจบแพทย์

ระหว่างที่เขาพักผ่อนนั้น เขาก็ ได้ค้นคว้าถึงเรื่องโรค ไฮโปไกลซีเมีย และได้พบวิธีรักษาโรคนี้ ให้ทุเลาลง ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่หายขาด เขาเพียงรู้สึกแข็งแรงขึ้น พอที่จะมาเรียนต่อ ได้จนสำเร็จ เท่านั้นเอง

เมื่อเรียนจบแล้วก็เข้าทำงานเป็นแพทย์ ฝึกหัด และได้ค้นคว้าวิธีรักษาต่อไป จนหายขาด โดยเฉพาะ โรคปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นๆ หายๆ ตลอดมานั้น เขาได้แก้ไขรักษาตัวเอง จนได้ผลสำเร็จ

หลังจากนั้น พวกกลุ่มแพทย์ของไกแลนด์ และไทเทิลบอมป์ ก็ได้ร่วมกันก่อตั้งสมาคม โรคลึกลับนี้ขึ้น พวกแพทย์กลุ่มนี้ รู้สึกว่าตัวเอง ถูกกีดกัน และถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากแพทย์รุ่นเก่า โดยเฉพาะ กลุ่มแพทย์ที่รักษาเบาหวาน มากมายพอสมควร

เพื่อที่จะไม่ให้เกิดความสับสนระหว่างไฮโปไกลซีเมียของเบาหวาน กับไฮโปไกลซีเมีย ของกลุ่มโรค ซึ่งมีอาการ ลึกลับนี้ กลุ่มไกแลนด์ และไทเทิลบอมป์ จึงเห็นพ้องต้องกันว่า ควรจะตั้งชื่อ โรคลึกลับ นี้เสียใหม่

จึงเห็นพ้องต้องกันว่า จะเรียกโรคลึกลับนี้ว่า CHRONIC FATIGUE SYNDROME หรือ CFS.

และภายหลังมีความเห็นว่า โรคนี้ยังเกี่ยวกับระบบ IMMUNE SYSTEM หรือภูมิชีวิตด้วย จึงได้เปลี่ยนเป็น CHRONIC FATIGUE AND IMMUNE DYSFUNCTION SYNDROME หรือ CFIDS. และหลังจากนั้นเป็นต้นมา CFIDS. หรือ CFS. ก็ได้เข้าอยู่ในระบบโรคซึ่ง ทางแพทยสภา ของอเมริกัน ได้ รับรองว่า เป็นโรคที่มีจริง ตลอดมา

(โปรดรออ่านวิธีปฏิบัติตัวและแก้ไข CFS. ฉบับหน้า)

T T T T T T

รำตะบองกับข้าวหม้อแกงหม้อ

เช้าวันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน เวลา 06.00 น. รำตะบองและคุยกับอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง เรื่องสุขภาพ ไม่ต้องเสียเงินคุยกันเสร็จแล้วกินอาหารร่วมกัน ใครมีข้าวหม้อแกงหม้อ ติดมือไปด้วย

สวนรถไฟด้านหลังสวนจตุจักร 30 มิ.ย. 06.00 น.

ไทยรัฐ ๒๓ มิ.ย. ๔๕ ชีวจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น