วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปากเหม็น ตัวเหม็น- ถึงตายได้ (9) ปากเหม็นก็มีสิทธิเสียงแหบ?

หลังจากส่งคนไข้มะเร็งโพรงจมูกไปหาเพื่อนผมซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางหู ตา คอ จมูก ไม่กี่วัน (ลงในไทยรัฐ ฉบับที่แล้วตอนที่ 8) ก็มีโทรศัพท์จากเพื่อนของผม ขอให้ผมไปที่คลินิกของเธอด่วน เพราะมีคนไข้ของเธอคนหนึ่งอยากจะพบผม

คนไข้เป็นผู้ชาย อายุ 80 ปี ผอมมากจนแก้มตอบ หน้าตาซีดเซียวเหมือนคนไม่มีแรง เพื่อนผมบอกว่า คนไข้เป็นมะเร็งกล่องเสียง (CANCER OF THE LARYNX)

ผมก็ร้องว่า “อ้าว” เรื่องมะเร็งกล่องเสียง ก็เป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญอย่างเธอโดยตรงนี่นา แล้วจะให้ผมมายุ่งด้วยทำไม”

เธอตอบหน้าตาเคร่งขรึมว่า ก้อนมะเร็งที่กล่องเสียงโตมากเหลือเกิน และเข้าใจว่ากระจายลงปอดแล้วด้วย จะผ่าตัดก็ผ่าไม่ได้ เพราะคนไข้ผอม อ่อนแอไม่มีแรง อายุก็มาก แถมยังมีโรคเบาหวานประจำตัวอีกด้วย “ฉันอยากให้เธอมาดู เผื่อว่าจะมีทางอื่นช่วยกันได้บ้าง”

คนไข้นอนรออยู่บนเตียง พอเห็นผมคนไข้ก็พยายามจะพูด แต่ไม่มีเสียงออกมา คนไข้ยกมือทำท่าขอกระดาษและปากกา แพทย์เพื่อนของผมบอกคนไข้ว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร แล้วหันมาถามผมว่า อยากจะดูก้อนเนื้อที่กล่องเสียงไหม ผมพยักหน้า เธอก็หันไปหยิบกล้องส่องคอออกมา

กล้องส่องคอ (LARYNGOSCOPE) นั้นมี 3 แบบ แบบแรกเป็นแบบทันสมัยที่สุด จะมีท่ออ่อนโค้งส่องเข้าไปดูข้างในคอได้ แต่การใส่กล้องเข้าไปจะต้องใส่ทางจมูก

แบบที่สอง เป็นแบบเก่ากว่าแบบแรก เป็นกล้องแข็งโค้งเหมือนตะขอช้าง ใส่เข้าไปในปากจนปลายถึงกล่องเสียง กล้องแบบนี้ใส่คอยากเย็น คนไข้อ่อนแอและทำท่าหอบอยู่แล้ว หมอเลยไม่อยากจะใช้วิธีนี้

เธอเอาแบบที่สาม ซึ่งเป็นกล้องแบบโบราณ ซึ่งตอนปลายเป็นกระจกเล็กๆ งอส่องดูในลำคอได้ กล้องแบบที่สะดวกที่สุด แม้ว่าจะมองไม่เห็นชัด และลึกๆ ก็จะมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม

จากภาพมัวๆ ในกระจกเล็กๆ นั้น จะมองเห็นขอบคอหอย (EPIGGLOTTIS) เป็นกระดูกอ่อนรูปสามเหลี่ยมโค้ง และตรงกลางสาม เหลี่ยมโค้งนี้เอง คือกล่องเสียง ซึ่งตอนนี้มองเห็นแต่ก้อนเนื้อมะเร็ง สีคล้ำอุดเต็มคอหอย ซึ่งนอก จากจะทำให้ เปล่งเสียงออกไม่ได้ แล้ว การหายใจก็แสน จะลำบากลำบนด้วย

และในขณะนั้นเอง ที่ผมก็ได้ กลิ่นอับๆ และเค็มๆ พุ่งออกมา กลิ่นนี้ผมจำได้ทันที จึงถามเพื่อนของผมว่า คนไข้สูบบุหรี่จัดหรือ เพื่อนผมพยักหน้า บอกว่านอกจากสูบบุหรี่จัดแล้ว ยังกินเหล้าหนักมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ด้วย

ผมถามว่ากินเหล้าหนักแล้วทนเรื่องเบาหวานได้อย่างไร เพื่อนผมอธิบายว่า เบาหวานอาการไม่มากนัก และพอคนไข้รู้ตัวว่าเป็นเบาหวานก็หยุดกินเหล้า แต่บุหรี่ยังไม่หยุดสูบ จนกระทั่งมีอาการเกี่ยวกับระบบหายใจมากขึ้น จึงหยุด สูบได้

ผมออก ความเห็นว่าหยุดสูบตอนนี้ ก็คงไม่ช่วย อะไรให้ ดีขึ้นมาได้กระมัง เพื่อนพยักหน้า

ผมลองถามคนไข้ดูเพื่อทดสอบ การตอบสนองของสมอง บอกให้คนไข้ ยกนิ้วมือให้ดู เมื่อผมถามว่า เสียงแหบมานานหรือยัง แกยกนิ้ว 2 นิ้วขึ้นมา ผมเข้าใจว่าสองเดือน แต่เพื่อนอธิบายว่า คนไข้ เริ่มเสียงแหบเล็กน้อยมาเกือบสองปีแล้ว ปีแรกๆ ก็ยังพูดมีเสียงรู้เรื่องกันดี แต่พอหกเดือนที่แล้วมา จึงเริ่มเสียงน้อยลงๆ จนเกือบพูดไม่ได้เลย ตอนแรกๆ เพื่อนผมขอให้ตรวจคอและกล่องเสียง อย่างละเอียด แต่คนไข้ดื้อ ไม่ยอมตรวจ กระทั่งนัดหมอนัดห้องแล็บไว้อย่างแน่นอนแล้ว คนไข้ก็หายตัวไปเฉยๆ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้เอง อาการมากแล้วจึงยอมมาตรวจ

พอพูดกันได้แค่นี้ คนไข้ก็มีอาการหอบ เพื่อนของผมสั่งให้พยาบาลให้ออกซิเจนแก่คนไข้ ผมกับเพื่อนจึงออกมาปรึกษากันข้างนอก

เราคุยกันหลายเรื่อง แต่ที่ผมสนใจมากที่สุดไม่ใช่เรื่องมะเร็งกล่องเสียง แต่เรื่องชีวิตและนิสัยใจคอของคนไข้ ทำไมคนไข้จึงมีลักษณะเป็นคนดื้อรั้น ทำไมจึงสูบบุหรี่และกินเหล้าหนัก และทั้งๆ ที่อาการป่วยอย่างอื่น เช่น เบาหวาน และโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ ก็ทรมานร่างกายอยู่มากแล้ว ทำไมจึงไม่รักษา

เพื่อนผมอธิบายว่า คนไข้เป็นเศรษฐีและใช้ชีวิตแบบเพลย์บอยตั้งแต่หนุ่มๆ มีเพื่อนมีฝูงมากและเป็นนักเที่ยวชนิดโชกโชน ต่อมาแต่งงานกับสาวสวย เมื่ออายุกลางคน แต่ก็ยังไม่เปลี่ยนนิสัย แม้กระทั่งมีลูกสาวแล้วก็ยังเที่ยวอย่างเดิมอยู่ ในที่สุดเมียทนไม่ไหวหอบลูกหนีไป

ผมร้องอ๋อ เป็นเชิงเข้าใจ คนไข้เป็นเศรษฐีเพลย์บอยอย่างนี้นี่เอง จึงได้เอาแต่ใจตัวเองนัก แต่งงานมีลูกมีเมียแล้ว น่าจะเปลี่ยนนิสัยได้ แต่เมื่อไม่เปลี่ยนนิสัย จนลูกเมียต้องหอบลูกหนีไป ก็น่าจะรู้สึกตัวกลับเนื้อกลับตัวเสียงบ้างก็จะไม่เป็นหนักและทรมานถึงขนาดนี้

เพื่อนผมบอกว่า ถ้าหากคนไข้เปลี่ยนนิสัยใจคอได้ และหันมาเอาใจใส่ดูแลสุขภาพตัวเองเสียบ้าง ยอมมาตรวจเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ขนาดสักปลายปีที่แล้ว ก็เชื่อว่าก้อนเนื้อจะไม่โตถึงขนาดนี้

เพื่อนผมบอกว่า ถ้าเริ่มเป็นมะเร็งที่กล่องเสียงและก้อนเนื้อยังเล็กๆอยู่ เพียงแต่รักษาด้วยการฉายแสงหรือรังสีบำบัดอย่างเดียว ก็จะได้ผลอย่างน้อยก็ 90% ขึ้นไป

แต่ถ้าเป็นมากขนาดนี้ ก็มีอยู่ทางเดียว ต้องผ่าตัดเอากล่องเสียงและเนื้อบริเวณข้างๆ ออกหมดแล้วก็ต้องให้เคมีบำบัด แต่อาการของคนไข้หนักจนเกินแก้เสียแล้ว และก็กระจายไปที่ปอดด้วย มิหนำซ้ำยังรูปร่างผอมบอบบางไม่มีแรง ผ่าตัดก็ไม่ได้ ให้เคมีบำบัดก็ไม่ได้

และในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้นี่แหละ เธอจึงขอให้ผมมาดูอาการ ถ้าหากจะทำโปรแกรมร่วมกับการรักษาแผนปัจจุบัน เช่น ทำให้คนไข้มีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาบ้างเสียหน่อย แล้วเธอก็จะลองฉายแสงใช้รังสีบำบัดดู เผื่อว่าก้อนเนื้ออาจจะเหี่ยวลงได้บ้างสักนิดก็ยังดี

ผมเห็นว่าเป็นกรณีที่เราน่าจะร่วมมือกันได้ ด้วยการใช้วิธีเสริมแบบชีวจิตร่วมกับการรักษาทางแผนปัจจุบัน แต่ก่อนอื่นผมจะต้องพูดให้คนไข้เข้าใจ และพูดให้คนไข้มีกำลังใจ และร่วมมือกับแพทย์ผู้รักษาให้ได้เต็มที่เสียก่อน

แต่จะขึ้นต้นอย่างไรดี เดินเข้าไปห้องคนไข้ ทั้งๆ ที่จมูกคนไข้มีฝาครอบออกซิเจนอยู่ แต่ผมก็ยังได้กลิ่นอับๆ ผสมกับกลิ่นเหม็น นั่นคือกลิ่นบุหรี่ ซึ่งสะสมอยู่ในตัวคนไข้มาหลายสิบปีแล้ว

ได้การ-ผมจะคุยกับคนไข้เรื่องบุหรี่ก่อน เริ่มด้วยเรื่องกลิ่นเหม็นแหละ แล้วจึงค่อยโยงไปถึงเรื่องปัญหาชีวิต และชักชวนให้คนไข้เกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ขึ้นมา แล้วเราก็จะทำโปรแกรมร่วมกันเพื่อช่วยคนไข้ได้.

เราจะจัดกิจกรรมออกกำลังอีกครั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ที่สโมสรกรมชลประทาน ปากเกร็ด โปรดนำตะบอง/ผ้าปูและอาหารมารับประทานร่วมกัน.

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น