วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ทองแดงกับเลือดแดงๆ

ไม่ใช่เรื่องถึงขนาดคอขาดบาดตายหรอกครับ แต่เห็นว่าเรื่องเลือดเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของเรา และแร่ธาตุตัวหนึ่งคือ “ทองแดง” มีความสำคัญเกี่ยวกับเลือด ก็เลยเอาทองแดงกับเลือดแดงมาเป็นหัวข้อคุยสู่กันฟัง

ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของเลือดแดงคือ เฮโมโกลบิน ซึ่งมีหน้าที่พาออกซิเจนและสารอาหารในเซลล์เลือดไปเลี้ยงเซลล์อื่นๆ ทั่วร่างกาย และเมื่อเอาออกซิเจนเข้าไปในเซลล์แล้ว ก็จะเปลี่ยนรับเอาคาร์บอนไดออกไซด์จากเซลล์ออกไปสู่ปอด ฟอกเลือดดำให้เป็นเลือดแดง และก็วนเวียนเอาออกซิเจนและสารอาหารกลับไปเลี้ยงเซลล์แล้ว รับคาร์บอนไดออกไซด์ กลับมาฟอกในปอด วนเวียนอยู่อย่างนี้ตลอดชีวิตของเรา

เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเราต้องมีอาหารไปเลี้ยงดู ชีวิตของเราจึงอยู่ยั่งยืนตลอดชั่วชีวิตของเรา และก็พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคอว่า เฮโมโกลบินนี่แหละที่ทำให้การสืบต่อชีวิตของเรายืนยาวต่อไปได้

พูดถึงเฮโมโกลบินมายืดยาว ก็คงจะสงสัยกันแล้วนะครับ ว่าพูดกันทำไม ในเมื่อขึ้นต้นก็พูดถึงทองแดงและเลือดแดงๆ อยู่หยกๆ

ตอนนี้ทองแดงต้องโผล่หน้าออกมาแล้วครับ เพราะทองแดงเป็นตัวช่วยให้เหล็กกลายเป็นเลือดเป็นเนื้อของเฮโมโกลบิน และสีแดงของเลือดเกิดขึ้นได้ก็เพราะเหล็กนี่เอง แต่เหล็กจะกลายเป็นตัวสำคัญของเลือดได้ก็ต้องอาศัย ทองแดงผสมกันกับเหล็ก เหล็กจึงจะแปลงร่างเป็นเฮโมโกลบินได้

ทองแดงเป็นแร่ธาตุ 1 ใน 18 ตัว ซึ่งร่างกายต้องมี เมื่อเรากินอาหารซึ่งมีธาตุทองแดงอยู่ด้วย และเมื่ออาหารนั้นถูกย่อยแล้ว ทองแดงจะเข้าไปสู่ สายเลือดได้ภายใน 15 นาที และเมื่อเข้าไปผสมกับโปรตีนซึ่งเมื่อถูกย่อยแล้ว จะแตกตัวเป็นแอมมิโน แอซิคหลายตัว มีแอมมิโน แอซิค อยู่ตัวหนึ่งชื่อ ไทโรซีน ซึ่งเมื่อทองแดงเข้าไปเกาะตัวร่วมด้วย ก็จะกลายเป็น สีแก่ของเส้นผมและผิวหนัง

โดยเหตุนี้กล่าวได้ว่า หน้าที่อีกส่วนหนึ่งของทองแดง ทำให้เส้นผมดกดำและผิวหนังดูมีผิวพรรณดีขึ้น

และยังมีหน้าที่ส่งเสริมการทำงานของวิตามิน C ให้ดีขึ้นด้วย วิตามิน C มีความสำคัญต่อการสร้าง IMMUNE SYSTEM หรือภูมิชีวิตของร่างกายให้ แข็งแรง

ยังมีหน้าที่ย่อยๆของทองแดงต่อร่างกายดังนี้อีก

- ช่วยในการสร้างโปรตีน

- ช่วยให้การรักษาตัวเองเป็นไปโดยธรรมชาติ (ไม่ต้องใช้ยา)

- ช่วยในการสร้างปลอก (SHEAT) ประสาท

- ช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อ

- ช่วยสร้างโครงสร้างเริ่มต้นของกระดูก

- เป็นตัวร่วมสร้าง RNA และ DNA

ทองแดงในร่างกายเราได้มาจากแหล่งอาหารหลายแหล่ง เช่น จากเมล็ดพันธุ์พืชซึ่งไม่ได้ขัดขาว (เช่น ข้าวซ้อมมือ) ถั่วอัลมอนด์ ผักใบเขียวจัด ถั่วประเภทเป็นฝัก (ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา) ลูกพรุน กุ้ง และอาหารทะเลทุกชนิด

พวกพืช-พันธุ์ต่างๆ ซึ่งมีทองแดงอยู่ด้วยนั้น มักจะมีปริมาณทองแดงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับพื้นดินที่พืชพันธุ์เหล่านั้นปลูกอยู่ ถ้าพืช เหล่านั้นปลูกอยู่ในดินดี มีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ ก็จะมีปริมาณทองแดงมากกว่าพืชที่มาจากพื้นดินที่แห้งแล้ง

เรื่องพื้นดินนี้เป็นจุดสำคัญที่น่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง สมัยนี้จะมีอาหารเสริมหลากหลายออกมาจำหน่ายในตลาด อาหารเสริมเหล่านี้มักจะโฆษณาเรื่องมีวิตามินและแร่ธาตุหลากชนิดผสมอยู่ ก่อนจะซื้อนอกจากจะอ่านฉลากอย่างละเอียดแล้ว ควรจะรู้จักที่มาที่ไปของบริษัทผู้ผลิตและควรจะรู้แหล่งพื้นดิน ที่เพาะปลูกพืชที่มาผลิตเป็นวิตามินและแร่ธาตุเหล่านั้นด้วยว่า พื้นดินที่เพาะปลูกอยู่ในแถบไหน และมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ มากน้อยเพียงไรด้วย

ที่อยากจะพูดถึงความสำคัญของทองแดงในวันนี้ก็เพราะมีความเข้าใจผิดบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องเลือด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาที่บางคนรู้สึกไม่มีแรง และอาจ จะคิดว่าเลือดจาง ก็มักจะไปซื้อแร่ธาตุเหล็กอย่างชนิดที่สกัดเป็นเม็ดมากิน

หรือบางทีไปเจาะเลือดมาแล้วปรากฏว่าทำท่าจะโลหิตจาง แพทย์บางท่านก็จะสั่งให้กินแร่ธาตุเหล็กอย่างสกัดเป็นเม็ด เวลาท่านสั่งยา เมื่อกินหมดแล้ว คนไข้ก็มักจะไปซื้อแร่ธาตุเหล็กอย่างเม็ดมากินต่อเอง เข้าใจว่ากินเข้าไปมากๆ เลือดก็จะเพิ่มขึ้น และเข้าใจว่ากินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

นั่นแหละคือการเข้าใจผิดอย่างมาก และความเข้าใจผิดนั้นทำให้เกิดอันตรายร้ายแรง เลือดจาก (ANEMIA) นั้น มีหลายชนิดนะครับ จริงอยู่การขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุหนึ่งของเลือดจาง แต่การขาดธาตุเหล็กนั้น ไม่ได้หมายความโรคโลหิตจางทุกชนิดนั้น เกิดจากการขาดธาตุเหล็กทั้งสิ้น นอกจากนั้นการกินธาตุเหล็กสกัดเป็นเม็ด จะเกิดเป็นอันตรายร้ายแรงได้ โดยเฉพาะเด็กๆ และผู้ที่ป่วยเป็นโรคเลือดจางแบบที่เรียกว่า SICKLE CELL ANEMIA ซึ่งเป็นโรคเกี่ยวกับเซลล์เลือดและตัวไขกระดูก ซึ่งเป็นตัวสร้างเลือดโดยตรง อาการย่อๆ ของผู้ที่เป็นโรคนี้ก็คือปวดตามข้อต่อต่างๆ มีไข้ขึ้นทั้งวัน ม้ามโต อ่อนเพลีย หมดแรง เวียนหัวปวดหัว

นอกไปจากนั้นยังเกี่ยวกับโรคเลือดอื่นๆ เช่น HEMOCHROMATOSIS ซึ่งทำให้แร่ธาตุเหล็กคั่งค้างอยู่ในเลือดมากเกินไป ทำให้ตับโต ผิวหนังดูดำคลํ้า และยังทำให้อาการเบาหวานเป็นมากขึ้น และอาจจะถึงกับหัวใจวายได้

แล้วยังมีโรคเลือดทางลาสซีเมีย ซึ่งเดี๋ยวนี้คนไทยก็เป็นกันมากขึ้นอีก

ขอสรุปสั้นๆว่า อย่าไปซื้อแร่เหล็กมากินเองเลยนะครับ หรือถ้าแพทย์สั่งให้กิน พอกินหมดก็อย่าไปซื้อมากินเองต่อ อันตรายครับ

เรื่องเหล็กและโรคโลหิตจางนี้ ขออนุญาตเขียนยาวๆ อีกตอนหนึ่งครับ ตอนนี้ขอต่อเรื่องเหล็กกับทองแดงต่อ

ถ้าหากปรากฏว่าคุณเป็นโรคโลหิตจาง เพราะขาดธาตุเหล็ก (IRON-DEFICIENCY ANEMIA) แล้วคุณจะไปหาธาตุเหล็กมากินแต่อย่างเดียวยังไม่พอ คุณต้องหาทองแดงมากินประกอบด้วย เพราะทองแดงเป็นตัวประกอบของเหล็ก ช่วยสร้างเฮโมโกลบินดังที่ได้บอกแล้วในตอนต้น

ขอพูดถึงความสำคัญและโทษของทองแดงเสียก่อน

มีศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ทางอาหารกลุ่มหนึ่งนำโดย อาจารย์แอนน์ หลุยส์ ลิตเติลแมน นายแพทย์ลีโอนิค กอร์ดิน และนายแพทย์ลารี่ วิลสัน จากนิวยอร์ก ได้ศึกษาถึงเรื่องชีวจิตของคนสมัยใหม่ ปรากฏว่าเป็นโรคซึ่งหาสาเหตุไม่ค่อยพบ คือ มีอาการเหนื่อยเพลียนอนไม่หลับ เป็นโรคผิวหนังชนิดต่างๆง่าย มีอาการผิดปกติทางประจำเดือนอย่างรุนแรง ปวดเนื้อปวดตัว ตื่นเต้น และวิตกหรือเครียดอยู่เสมอ อาการเหล่านี้จะมีปรากฏอยู่ใน HYPOGLY-CEMIA ซึ่งผมเคยเขียนไว้ในไทยรัฐหลายฉบับเมื่อปีก่อน

แต่กลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ทางอาหารเหล่านี้ ต้องการศึกษาว่าในด้านอาหารและแร่ธาตุต่างๆ ในเลือดของคนไข้เหล่านี้นั้น มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า

ท่านเหล่านี้ได้พบว่า คนไข้หลายร้อยคนเมื่อถูกนำตัวไปตรวจเลือด ปรากฏว่ามีธาตุทองแดงอยู่ในเลือดมากเกินไป

กลุ่มแพทย์นี้ได้ศึกษาต่อไปอีกว่า เมื่อเคยมีค้นคว้าเรื่องแร่ธาตุได้วางสูตรไว้ว่า ต้องมีทองแดงมาช่วยธาตุเหล็กเท่านั้น จึงจะช่วยให้เลือดดีขึ้นนั้น ทำไมเมื่อมีทองแดงเกินไป คนไข้เหล่านั้นจึงป่วย

คำตอบง่ายนิดเดียว เดี๋ยวนี้มีทองแดงสกัดเป็นเม็ดจำหน่ายในท้องตลาด แม้ว่าทองแดงเหล่านี้จะสกัดมาด้วยวิธีธรรมชาติ แต่เมื่อเป็นเม็ดแล้ว การดูดซึมของร่างกายทำไม่ได้ดี จึงเกิดการสะสมเป็นพิษขึ้น และป่วยมีอาการต่างๆ ดังกล่าวแล้ว

แพทย์เหล่านี้ได้ยุติการกินทองแดงอย่างเม็ด และให้กินอาหารซึ่งมีแร่ธาตุทองแดงอยู่ในอาหารเหล่านั้นแทน

คนไข้ทุกคนหายจากอาการป่วย และแข็งแรงสดใส มีชีวิตชีวาดีทุกคน

ตอนนี้ก็ถึงตอนบทสรุปของผมแล้วละครับ ร่างกายเรานั้นต้องการทองแดงน้อยมาก เป็นปริมาณซึ่งเราเรียกกันว่า TRACE MINERAL วันละ 2 มก. ก็พอ

เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง อย่าไปซื้ออย่างเม็ดกินเลยครับ กินจากอาหารตามสูตรชีวจิตนั่นแหละครับ ขอยํ้าอีกที อาหารที่มีธาตุทองแดง เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ผักใบเขียวจัดๆ ถั่วเป็นฝัก อย่างเช่นถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ลูกพรุน ถั่วอัลมอนด์ กุ้ง และอาหารทะเลทุกชนิด

เท่านี้ก็เหลือเฟือแล้วครับ กินอาหารให้ถูกต้อง เลือกอาหารให้ครบเท่านั้นเอง ไม่ต้องเสียเงินแพงๆ แถมยังสบายใจด้วย.

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
1 Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น