ภาษาไทยของเราเอง นานๆ ใช้ทีก็ทำเอาเผลอไผลไปได้เหมือนกันนะครับ อย่างคำ “ผีซ้ำด้ำพลอย” ที่เอามาขึ้นเป็นหัวข้ออยู่นี้ ก่อนจะเขียนผมก็นึกว่าคงจะเป็น “ผีซ้ำด้ามพลอย” มากกว่า เพราะคุ้นกับคำว่า “ด้าม” ทั้งยังแปลได้ตรงตัวด้วย
แต่พอเขียนไปแล้วรู้สึกมันขัดๆ ตาชอบกล ลองเขียนใหม่ว่า “ผีซ้ำด้ำพลอย” รู้สึกคุ้นตามากกว่า แต่ไม่รู้ว่า “ด้ำ” แปลว่าอะไร หรือว่าอาจจะไม่มีความหมาย เราเขียนมาผิดๆ ตั้งแต่เล็กหรืออย่างไรกันแน่
ตกลงไปเปิดปทานุกรมดูดีกว่า “ดํ้า” แปลว่า “ผีเรือน” โอโฮ! ตรงตามความหมายครบถ้วนบริบูรณ์เลย “ผีซํ้าดํ้าพลอย” ถูกต้องแน่นอนแล้ว เราคุ้นคำนี้มาตั้งแต่เล็กๆ น่าเขกหัวตัวเอง มีคำไทยแท้เก่าแก่โบราณติดตัวมา แต่ไม่เคยสนใจว่าแปลว่าอะไร เคราะห์ดีที่ยังรู้จักระวังตัว เขียนอะไรลงไทยรัฐปล่อยให้ผิดๆ ไม่ได้ ปทานุกรมช่วยไว้ตอนระฆังหมดยกพอดี
แล้ว “ผีซํ้าดํ้าพลอย” เกี่ยวกับเรื่องไออย่างไรเล่าครับ?
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ชมรมชีวจิตจัดคอร์สสุขภาพที่ภูเรือ ผมไปช่วยเขาจัดคอร์สด้วย เพิ่งกลับจากภูเรือเดี๋ยวนี้เองครับ พอวางกระเป๋าเสร็จก็ลงนั่งเขียนเรื่องนี้เลย
เข้าภูเรือก็เหมือนเข้าป่า ถึงแม้ว่าหนทางไปมาจะสะดวกสบายไม่ระหกระเหิน แต่ค่ายที่เราพักอยู่ก็เป็นค่ายอยู่กลางป่าพอดี อยู่บนเขาสูงพอสมควร อากาศดีมาก และอากาศดีมากเป็นธรรมชาติมากนี่แหละคือหัวใจของคอร์สสุขภาพที่เราช่วยกันจัดขึ้น
แต่ก็เจอความวิปริตของธรรมชาติเข้าจนได้ครับ อากาศที่เคยสดชื่นสดใสตอนเช้าๆ ของภูเรือไม่ทราบ หายไปไหน ตอนเช้ามีหมอกควันเต็มไปหมด หมอกธรรมดากับหมอกควันต่างกันนะครับ หมอกธรรมดา เป็นหมอกบางๆ ตอนเช้า ลอยอ้อยอิ่งตามชายเขา ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จะเห็นหมอกบางๆ อย่างนี้ทุกวัน และแสดงว่าอากาศหนาวเย็นเล็กน้อย สดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
แต่หมอกควันเป็นหมอกผสมกับควันไฟ จะเป็นหมอกสีเทาๆ ปกคลุมป่ามองไม่เห็นอะไรเลย อากาศบริเวณหมอกควันจะเหนียวๆ อึดอัด หายใจไม่สะดวก และพอตอนสายๆ แดดออก หมอกควันก็จะลอยทึบๆ อยู่ทั่วบริเวณ อากาศจะร้อนอบอ้าว
ควันที่เกิดขึ้นนี้เกิดเพราะการเผาป่า แต่ก่อนนี้จะเถียงกันระหว่างชาวบ้านและพ่อค้าที่บุกรุกทำไร่โค่นป่า ต่างคนต่างกล่าวหากันว่าเป็นฝ่ายเผาป่า แต่ใครจะเป็นฝ่ายเผาก็ตาม รู้มานานแล้วว่าการเผาป่า ไม่ใช่เกิดจากไฟป่าตามธรรมชาติแน่นอนพอเข้าหน้าร้อนทั้งพวกพ่อค้าและชาวบ้านก็เผาป่าเตรียมบุกรุก และเตรียมหาที่ปลูกพืชพันธุ์เป็นการใหญ่ ยิ่งตอนนี้โรงงานนํ้าตาลใหญ่โตหลายโรงไปตั้งที่อีสาน ตั้งแต่ เลย ลงมาถึง ขอนแก่น จะเห็นไร่อ้อยเต็มไปหมด รถบรรทุกอ้อยไม่ทราบกี่ร้อยกี่พันคันขับเกลื่อนถนน การจราจรติดขัด เคยเดินทางระยะหนึ่งสองสามชั่วโมง เดี๋ยวนี้กลายเป็นห้าหกชั่วโมง ไม่น่าเชื่อเลย
หมอกควันที่เกิดขึ้นมากมาย เปลี่ยนอากาศจากหนาวเย็นบริสุทธิ์ เป็นอากาศร้อน เกิดจากการเผาป่าและบุกรุกป่าของพวกโจรขายชาติ และพวกผีในคราบผู้ดีเหล่านี้นั่นแหละ
ที่ร้ายยิ่งกว่านั้น หน้าร้อนๆ อย่างนี้ทั่วบริเวณภูเรือฝนตกอยู่ได้ตั้งสองสามวัน ใครๆ กำลังพูดถึง ปรากฏการณ์ เอล นิโญ นอกบ้านเรา หนังสือพิมพ์ลงข่าวเรื่องอากาศวิปริต นํ้าท่วม หิมะถล่ม พายุเข้าเมือง คนตายมากมาย
ใครๆ ก็พูดกันถึง เอล นิโญ นอกบ้าน แต่ ไม่มีใครพูดถึง เอล นิโญในบ้านเราเลย ดินฟ้าอากาศบ้านเราวิปริตมานานแล้วครับ เอล นิโญ ก็เกิดในบ้านเรามานานแล้วด้วย และจะเกิดดินฟ้าอากาศวิปริต เกิดภัยแล้งขึ้นอีกมากมาย เราเตรียมตัวกันแล้วหรือยัง
และข้อสำคัญเมื่อไรจะปราบไอ้พวกโจรผู้ดีและไอ้พวกผีทำลายป่าที่เป็นต้นตอของ ความวิปริตของธรรมชาติ และของเอล นิโญ ในเมืองไทยให้หมดไปเสียที
ต้องกราบขออภัยที่ผมทำตัวเป็นคนถูกผีเข้า เขียนนอกเรื่องไปถึงเรื่องผีระยำทำลายป่าบุกป่าเหล่านี้ ขอวกเข้าเรื่อง “ไอเพราะผีเข้า” เกี่ยวกับสุขภาพเสียที
อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ พวกเพื่อนๆ ที่ไปเข้าค่ายป่วยกันหลายคน เรื่องไอ เรื่องหวัด จนกระทั่งจับไข้ ปวดหัว ตัวร้อนเกิดขึ้นเหมือนโรคระบาด
เพื่อนคนหนึ่งซึ่งร่างกายกำยำล่ำสัน โดนหมอกและฝนเข้าสองครั้งถึงกับลุกไม่ขึ้น เพื่อนคนนี้ เป็นโรคภูมิแพ้มานานแล้ว อาการของเขาส่วนมากจะเจ็บคอ ไอ เป็นหวัดอยู่เป็นประจำ บางครั้งถ้าอยู่ในระยะโหมงานหนักๆ ไม่ได้พักผ่อน ก็จะถึงกับมีอาการหืดหอบ เป็นไข้ ลุกไม่ขึ้นเป็นเวลาหลายวัน
ก่อนจะไปเข้าค่ายด้วยกัน เขาโหมงานหนัก ตั้งใจจะทำงานให้เสร็จแล้วเขาจะได้พาครอบครัวไปพักผ่อน พร้อมกับพวกเรา พอไปถึงโดนหมอกควัน โดนฝนโดนอากาศร้อนเข้าด้วย ประกอบกับพวกเราจะตื่น
กั แต่เช้ามืดตีสี่ตีห้า ลุกไปออกกำลังกาย รำตะบอง บริหารร่างกาย ฝึกการหายใจและผ่อนคลาย เราปฏิบัติกันดังนี้เป็นนิจสิน เราตื่นเช้ามืดตั้งแต่วันแรกที่เราไปถึง
เพื่อนคนนี้ทนไม่ได้ เพราะเขาโหมงานหนักก่อนจะมา โดนอากาศเปลี่ยน โดนฝน ก็เลยอาการหอบหืดกำเริบ ไอจนตัวงอ เป็นไข้ลุกไม่ขึ้น
ผมเองไม่มียากระจุกกระจิกติดตัวไปด้วย และจะไปหายาแก้แพ้แก้ไอโดยขับรถเข้าไปถึงในเมือง ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง ก็เลยต้องคิดดูว่าเราจะหายาพื้นเมืองหรือยาธรรมชาติของชาวบ้าน อย่างใดได้บ้าง
นึกถึงเรื่องการแก้ ไอก่อนอื่น เรื่องไอคราวนี้ไม่ใช่เป็นแต่เพื่อนคนนี้คนเดียว แต่พวกผู้หญิงและเด็กๆ ก็เป็นกันหลายคน
ไอแบบนี้เป็นการไอเพราะแพ้เรื่องผิดอากาศ และอาการไอจะเกิดจากการอักเสบที่หลอดลม ไม่ใช่ไอเพราะเกิดจากการติดเชื้อโรคใดโรคหนึ่งอย่างเช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก หรือเชื้อนิวมอเนีย หรือจากมัลติเพิลคาร์บอกซิเลส คาร์บอกซิเลส เดฟฟิเชียลซี่ ซึ่งคุณหมอวรศักดิ์ เพิ่งมาพูดถึงเมื่อเร็วๆ นี้ (ในไทยรัฐของเรานี่แหละครับ ไปหาอ่านดูเสีย)
เรื่องหลอดลมอักเสบ (CHRONIC BRONCHITIS) หรืออาการแพ้อากาศ ซึ่งจะเป็นๆ หายๆ สลับกันอยู่เรื่อยๆ ที่สังเกตได้ง่าย อาการไอของท่านเหล่านี้มักจะไอแห้งๆ ไม่มีเสมหะ หรือเสมหะเล็กน้อย และส่วนมากจะรู้สาเหตุดั้งเดิมอยู่แล้ว อย่างบางคนติดบุหรี่มาก บางคนแพ้อากาศ แพ้ฝุ่นละออง แพ้เกสรดอกไม้ เหล่านี้เป็นต้น
แน่นอน ยิ่งเป็นมานานหรือเป็นเรื้อรังแล้วละก็จะมาแก้กันด้วยการเอายาแก้ไอให้กินกันง่ายๆ อย่างนั้นไม่ได้ และการแก้ต้องแก้ที่ต้นตอ ต้องแก้ด้วยการเพิ่มภูมิชีวิตให้ดีขึ้น ให้กินอาหารที่ถูกต้อง ให้วิตามินและแร่ธาตุ และให้มีการปฏิบัติทางกายอีกหลายวิธี
แต่แก้อย่างนั้นต้องแก้กันในสถานรักษาพยาบาล มีแพทย์มีพยาบาลดูแล ขณะที่อยู่กลางป่าอย่างนี้ ปัญหาของผมมีอยู่ว่าจะหายากลางบ้านหรือยาง่ายๆ ของชาวบ้านมาช่วยแก้อาการไอให้ทุเลาลงได้บ้าง
แรกทีเดียวผมนึกถึงน้ำผึ้งผสมมะนาว อยู่กลางดงอย่างนั้นหาน้ำผึ้งจากชาวบ้านได้ง่าย และก็แถวนั้นยังมีชาวบ้านขายน้ำผึ้งและเกสรผึ้งด้วย ก็เลยขอเขามาทั้งสองอย่าง
เกสรผึ้งช่วยแก้อาการแพ้อากาศได้ดีครับ แต่ต้องระวังพวกที่เลี้ยงผึ้งด้วย เขาเลี้ยงผึ้งในไร่ ในสวนที่พ่นยาฆ่าแมลงอย่างมหาศาลหรือเปล่า ถ้ามียาฆ่าแมลงมาก ทั้งน้ำผึ้งและเกสรดอกไม้ที่ผึ้งจะไปดูดน้ำหวานก็จะมีแต่สารพิษ ใช้ไม่ได้
แต่รายนี้ชาวบ้านเขาไปเอาน้ำผึ้งป่า เอามาทั้งรังและรังผึ้งมีขี้ผึ้งและเกสรผึ้งด้วย เขาเอามาตากให้แห้งแล้วทำเป็นผง
ตกลงเรื่องแก้แพ้และแก้ไอ เราใช้วิธีง่ายๆ น้ำผึ้งสัก 3 ช้อน บีบมะนาวครึ่งซีก จิบหลายๆหน เกสรผึ้งละลายน้ำร้อนดื่มสัก 2-3 ครั้ง แก้แพ้ได้ดีครับ
กระเทียมตำให้ละเอียดสัก 5-6 กลีบ ผสมน้ำผึ้งจิบก็แก้ได้เหมือนกัน
ผมมีวิตามิน C ติดตัวอยู่แล้ว ให้กินมื้อละเม็ด (1000 มก.) สองสามวัน ภูมิต้านทานดีขึ้นทันที
น้ำกระเจี๊ยบอุ่นให้ร้อนๆ เติมน้ำผึ้ง 2 ช้อน ดื่มร้อนๆ ช่วยได้ดีอีกเช่นกัน
แล้วลองนวด หัวแม่เท้า สองข้าง ข้างละ 5 นาที ก็จะดีขึ้นนะครับ
ขอประทานโทษ พูดเรื่องผีบุกป่ามากไป หน้ากระดาษหมดเสียแล้วครับ.
Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
1 Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น