ผมไปโคราชเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ไปถึงในเมืองเมื่อเกือบจะบ่าย หาร้านอาหารแบบไทยๆ ก็ไม่มีเวลาจะไปหา จึงนึกว่าเอาที่ง่ายๆ และสะดวก น่าจะเป็นที่ศูนย์การค้า
มีศูนย์การค้าใหญ่เยื้องๆ กับอนุสาวรีย์ ย่าโม อย่าให้ออกชื่อเลยครับว่าเป็นศูนย์ การค้าอะไร แต่ถ้ายืนหันหน้าเข้าย่าโม ศูนย์การค้านี้จะอยู่ตรงหัวมุมถนนทางขวามือ ข้างคูเมืองหัวมุมถนน นั่นแหละ
มีร้านอาหารสุกียากี้อยู่ชั้นล่างสุด แต่ก่อนจะเข้าร้านอาหารผมเดินขึ้นชั้นสองเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำก่อน เจอเรื่องช็อกครั้งแรกในห้องน้ำนั่นเอง
ในห้องส้วมทุกห้องเขาไม่ใช้กระดาษชำระ แต่ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมปึกใหญ่ เสียบไว้ช่องกระดาษชำระทุกห้อง
เข้าใจว่าคงไม่มีใครสะดุดใจเรื่องใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นกระดาษชำระ เพราะในถังขยะก็มี กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้เป็นกระดาษชำระแล้วอยู่เต็มถัง
ไม่มีใครคิดหรือสะดุดใจก็แล้วไปเถิดครับ ผมเองอยากจะฝากข้อคิดไว้ สองอย่าง อย่างหนึ่งก็เรื่อง ความสะอาดและความปลอดภัยจากการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์
สมัยเก่าๆ ขนาดปู่ย่าตายายของเรา ผมคิดว่าการชำระอุจจาระของเราค่อนข้างจะทุลักทุเล ของเก่าที่ คนรุ่นก่อนของเราใช้ก็คือใช้ไม้ สมัยเด็กๆ ผมจำได้ว่าเวลาชาวบ้านจะทำบุญ เขามักจะเหลาไม้ซี่เล็กๆ เป็นมัดๆ เอาไปถวายพระด้วย โดยเฉพาะพระวัดกรรมฐาน
แต่เท่าที่ทราบเมื่อเขาใช้ไม้กวาดอุจจาระออกไปแล้ว เขาก็จะตามด้วยการล้างน้ำ ห้องส้วมของ ชาวบ้าน มักจะมีตุ่มน้ำเล็กๆ และมีกระป๋องน้ำวางไว้ด้วย เมื่อใช้ไม้ชำระแล้วก็ล้าง ด้วยน้ำต่อ ก็คงจะพอใช้ได้ ส่วนเรื่องมือที่สกปรกจะล้างด้วยสบู่ต่อนั้น สมัยก่อนยังไม่เคยมี
ต่อมาที่บ้านผู้มีอันจะกินหน่อย ก็มักจะใช้กระดาษฟางตัดเป็นแผ่นเล็กๆ แล้วก็มักจะมีน้ำล้างก้น ตามมาด้วย และคงจะเรียนรู้เรื่องอนามัยกันมาบ้างแล้ว เพราะผมจำได้ รุ่นคุณพ่อคุณแม่ผม ท่านมีสบู่ไว้ล้าง มือหลังจากชำระล้างแล้ว
ครั้นเมื่อมาประมาณ 80 ปีมานี่เอง ก็ถึงสมัยของส้วมซึม ทั้งๆ ที่ความสะดวกและความสะอาด ปลอดภัย มีมากขึ้น แต่การใช้กระดาษฟางและน้ำล้างมือ ก็ยังไม่แพร่หลายกันมากเท่าไหร่ แต่กลับมีการใช้ กระดาษหนังสือ พิมพ์กันอย่างแพร่หลายขึ้นมาแทนที่
สมัยนั้นแหละครับ คนเป็นโรคเกี่ยวกับ ลำไส้ และระบบขับถ่ายมากมาย ยิ่งใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ มาก ความสกปรก ก็ยิ่งมาก ในห้องส้วมสมัยก่อนตาม ร้านอาหารเป็นต้น กระดาษหนังสือพิมพ์ ที่ใช้ชำระแล้ว จะโยนเกลื่อนเต็มห้องส้วม แมลง สาบตัวโตๆ ยั้วเยี้ย แถมยังมีหนูวิ่งพล่านอีกด้วย
เชื่อไหมเล่าครับ ส้วมสกปรก อาหารการกินก็สกปรกตามไปด้วย ผมจำได้ว่า ร้านอาหารอร่อยๆ แถวเยาวราช-ราชวงศ์นี่แหละ อย่างร้านโจ๊กหมู ไก่-กระเพาะ-เครื่องใน พ่อครัวนุ่งกางเกงในขาก๊วย ตัวเดียว เสื้อไม่ใส่ เหงื่อพลั่กๆเต็มตัว เวลาเข้าห้องน้ำจะปัสสาวะ หรืออุจจาระไม่เคยล้างมือ และก็มักจะเชี่ยว-ชาญเรื่องการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เป็นกระดาษชำระอย่างแน่นอน
โรคสมัยนั้นขึ้นชื่อลือชาคือ ริดสีดวงทวาร โรคลำไส้ และโรคกระเพาะ ผมเรียนรู้มาตั้งแต่สมัย รุ่นหนุ่มสาวแล้วว่า เรื่องของการกินและการขับถ่ายนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน ถ่ายสกปรก กินก็ต้องสกปรกตามไปด้วย
เข้าใจว่ามีการรณรงค์ให้เลิกใช้หนังสือ พิมพ์ คุณประยูร จรรยาวงศ์ นักการ์ตูน และต้องถือว่าท่านเป็น ศิลปินเอก ซึ่งได้รับรางวัลแมกไซไซมาแล้ว สมัยท่านอยู่ “สยามรัฐ” ร่วมกับท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ก็เคยเขียนการ์ตูนบรรยายถึงอันตรายของการใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ เป็นกระดาษชำระ เมื่อครั้งหลัง มาอยู่ “ไทยรัฐ” แล้ว ผมจำได้ว่าท่านก็เคยรณรงค์เรื่องให้เลิกใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ อีกเหมือนกัน
ตัวกระดาษหนังสือพิมพ์สมัยที่ยังเป็นกระดาษเฉยๆ ยังไม่ได้เอามาพิมพ์ก็ไม่เหมาะ กับการเอามา เป็นกระดาษ ชำระอยู่แล้ว กระดาษก่อนจะขาว เขาต้องฟอกด้วยกรดกำมะถัน เมื่อฟอกแล้ว เอามาทำ เป็นกระดาษพิมพ์ หมึกพิมพ์ดำและหมึกสีต่างๆ ที่เอามาพิมพ์ก็มีสารอันตราย หลายอย่าง ต่ออวัยวะบางๆ ของคน (อย่างเช่น ทวารหนัก) มีทั้งสารปรอท ไซยาไนด์ และสารหนู รวมอยู่ใน หมึกพิมพ์ เมื่อเอามาเช็ดก้น นอกจากกระดาษจะแข็ง ทำให้รูก้น เป็นแผลแล้ว สารอันตรายต่างๆ ก็ทำให้เป็นริดสีดวง และยังลามเข้าไป ถึงข้างในลำไส้ใหญ่ อย่างสะดวกสบาย ยิ่งขึ้นด้วย
นั่นเป็นแง่คิดข้อแรกจากอันตรายที่เกิดขึ้น แง่คิดข้อที่สองก็คือ ลูกค้าที่ไปใช้บริการของ ศูนย์การค้า แห่งนี้ คิดบ้างหรือเปล่าว่า พ่อค้าเจ้าของศูนย์การค้านั้น เขาดูถูกลูกค้าเหลือเกิน ว่าเราเป็นคนป่าคน ดอยมาจากไหนก็ไม่รู้ หน้าที่ของเขาจะต้องบริการลูกค้าและให้ความสะดวกแก่ ลูกค้านั้น เขาไม่สนใจ แต่เขาสนใจ อยู่แต่เพียงว่า จะฉวยโอกาสทำเงินทำกำไรใส่ตัวอย่างเดียว บริการเพียงไม่กี่บาท ที่จะต้องลงทุน ให้ลูกค้า อย่างกระดาษชำระ สักม้วนนั้น เขาให้ไม่ได้
แล้วก็สร้างมาตรฐานความโก้หรูให้กับตนเองนั้นเพื่ออะไร มีรีเซฟชั่นสวยๆ โก้ๆ พนักงาน แต่งเครื่องแบบ หรูโก้นั้น เพื่ออะไร ตลอดเวลาโฆษณา เรียกร้องให้ลูกค้าซื้อสินค้า เสียงลั่น ศูนย์การค้านั้น เป็นการหลอกลวงลูกค้า ให้เสียเงินเข้ากระเป๋า แต่อย่างเดียวหรือเปล่า
ขอแถม อีกนิดครับว่า ลูกค้ามีสิทธิที่จะทวงการรับใช้และบริการที่ดีที่ถูกต้องจากพ่อค้านะครับ ใช้คำขวัญใหม่ว่า “อย่าปล่อยให้พวกพ่อค้าฉวยโอกาสลอยนวล”
ถ้าไม่รู้ว่าจะไปร้องเรียนที่ไหน ก็ใช้มาตรการง่ายๆ พร้อมใจกันอย่าเข้าศูนย์ การค้าแห่งนี้ โดยเด็ดขาด เสียเลย ลองดูว่าผู้ถูกเอาเปรียบกับผู้เอาเปรียบ ใครจะชนะ.
ไทยรัฐ ๘ กันยายน ๒๕๔๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น