กลุ่มนายแพทย์ชาลส์ บี. ซิมโมน ได้ ศึกษาทดลองเรื่องการกินเนื้อสัตว์กับหนูทดลอง และจากการสอบประวัติคนไข้ ไม่ต่ำกว่า 8,000 คน ในชั่วระยะเวลา 20 ปี ได้ผลเกี่ยวกับสารก่อมะเร็ง พอสรุปได้ดังนี้
การกินอาหาร อาหารเป็นส่วนสำคัญที่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็ง สำหรับมะเร็งทั่วไปนั้น มะเร็งเนื่องมาจากอาหารเป็นผู้หญิงถึง 60% และเป็นผู้ชาย 40%
มะเร็งชนิดต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องอาหารโดยตรงคือ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งปาก มะเร็งลำคอ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งตับ มะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก มะเร็งไทรอยด์
ส่วนมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ต่อมลูกหมากและไต ก็มีสาเหตุมาจากอาหารเหมือนกัน แต่นายแพทย์ซิมโมนได้เน้นว่า เนื่องมาจากการบริโภคเนื้อสัตว์และไขมันสัตว์มากเกินไป
อันที่จริงยังมีปัจจัยเสริมซึ่งไม่ใช่ปัจจัยโดยตรง ซึ่งทำให้เกิดมะเร็งได้อีก เช่น การสูบบุหรี่ การที่ถูกต้องสัมผัสกับสารเคมี การอยู่ในสิ่งแวดล้อมเลวๆ การดื่มเหล้า การใช้ฮอร์โมน การถูกรังสี ความเครียด เป็นต้น ปัจจัยเสริมที่กล่าวถึงเหล่านี้ ไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่ทำให้เกิดมะเร็ง แต่จะต้องผสมกับปัจจัยอื่นๆ หลายอย่าง จึงทำให้เกิดมะเร็งได้
ฉะนั้น ครั้งนี้จะไม่พูดถึงปัจจัยเสริม แต่จะพูดถึงปัจจัยโดยตรง ซึ่งนายแพทย์ ซิมโมนศึกษา มาโดยเฉพาะ คือเรื่องไขมันสัตว์ และเนื้อสัตว์
สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เนื้อสัตว์มีสารก่อมะเร็งปนอยู่ในตัวสัตว์อยู่มากนั้น เนื่องมาจากการ เลี้ยงสัตว์สมัยนี้ทำกันในรูปแบบของอุตสาหกรรม สัตว์ซึ่งอยู่รวมกันเป็นหมื่นๆ ตัวนั้น ต้องกินอาหาร ตามสูตรซึ่งมีสารเคมีปนอยู่ ต้องกินยาปฏิชีวนะ ต้องกินและฉีดฮอร์โมน ต้องกินสารเคมีหลายอย่าง ซึ่งทำให้เนื้อสัตว์มีสีน่ากิน
การเลี้ยงสัตว์และฆ่าสัตว์มาเป็นอาหารนั้น เป็นการถ่ายทอดสารก่อมะเร็งมาสู่มนุษย์ผู้ บริโภคโดยตรง
นอกจากนั้น การนำเนื้อสัตว์มาสู่ตลาดและมาถึงผู้บริโภคก็จะไม่ได้เนื้อสัตว์สดๆ บางแห่งเนื้อสัตว์ ถูกเก็บ หรือแช่แข็งในห้องเย็น และเนื้อสัตว์ส่วนมากจะผ่านกรรมวิธี ในการถนอมอาหารเพื่อเก็บไว้ ให้ได้นานวัน
กรรมวิธีในการถนอมอาหารก็จะมีการตากแห้ง การบรรจุกระป๋อง การบรรจุขวด วิธีถนอมอาหารเหล่านี้ ต้องใช้สารเคมีประเภทที่รักษาอาหารไม่ให้บูดเน่า (PRESER-VATIVE) อย่างเช่น เกลือ ดินประสิว น้ำส้ม น้ำตาล ยากันบูด และไนไตรท์ (NITRITES) เป็นต้น การใช้ สารเคมีเหล่านี้ในปริ-มาณพอสมควรก็พอจะรับได้สำหรับผู้บริโภค แต่ก็ไม่ควรจะให้บ่อยและมากเกิน ปริมาณสมควร
ขออนุญาตนอกเรื่องสักนิดว่า การใช้ยาเคมีบางอย่าง ซึ่งนอกกฎเกณฑ์ โดยสิ้นเชิง อย่างเช่น ใช้ฟอร์มาลิน หรือฟอร์มาลดีไฮด์ (ยาดองศพ) ในอาหารเพื่อไม่ให้บูดเน่า เป็นการกระทำที่ เลวทรามอย่างยิ่ง เป็นการฆ่าผู้บริโภคแบบตายผ่อนส่งได้อย่างแน่นอน
กรรมวิธีอีกอย่างหนึ่งในการปรุงแต่งรสและภาพของอาหารให้ผิดไปจากความจริงก็คือ กรรมวิธีแบบ ADDITIVE คือการใส่สีสันและปรุงรสเปรี้ยวหวานมันเค็มเผ็ด ให้ดุเดือดและสีสันน่าดูผิดไปจาก ความจริง นี่ก็เป็นส่วนสร้างสารก่อมะเร็งได้อีกเหมือนกัน
ขอย้อนกลับมาถึง เรื่องเนื้อสัตว์ และไขมันสัตว์ อีกครั้งหนึ่ง นายแพทย์ซิมโมนชี้ให้เห็นว่า เนื้อสัตว์ที่ จะ ต้องเก็บไว้นานนั้น จะต้องใส่โซเดียม ไนไตรท์ ซึ่งทำให้เนื้อสัตว์อยู่คงทนและมีสีสวยงาม ไนไตรท์ ซึ่งอยู่ในเนื้อสัตว์ เช่น เบคอน หรือไส้กรอกชนิดต่างๆ นี้ ถ้ายังไม่ได้ไปปรุงเป็น อาหาร ก็ยังไม่มีพิษสง อะไรนัก แต่ถ้าถูกความร้อนเมื่อไหร่ จะเกิดปฏิกิริยา ทางเคมี เกิดเป็นสารก่อมะเร็งทันที
นายแพทย์ซิมโมน ได้ยกตัวอย่าง อาหารเช้าจานโปรดของ ชาวอเมริกันคือ หมูเบคอน และไข่ดาว ขนมปังขาว เบคอนนั้น เมื่อเอาไปทอด จะเกิดสารใหม่อีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า ไนโตรซามีน (NITROSAMINE) ซึ่งก็คือสารก่อมะเร็ง
เมื่อเนื้อสัตว์ที่ถูกปิ้งหรือทอด จะทำให้ไนไตรท์ ในเนื้อสัตว์แห้งและเข้มข้น พอเข้าลำคอผ่าน กระเพาะ ไปถึงลำไส้เล็ก ก็จะได้รับน้ำย่อยจากถุงน้ำดีและน้ำย่อยจากตับอ่อน จะกลายเป็น สารไนโตรซามีน และจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด ไปสะสมอยู่ในตัวเรา เมื่อสะสมมากๆ เข้า ก็เป็นสารก่อมะเร็ง ที่ทำให้เซลล์ดี กลายเป็นเซลล์เนื้อร้าย หรือมะเร็งได้
นายแพทย์ซิมโมนได้ทดลองให้ไนไตรท์ ในหนูทดลอง ปรากฏว่า กว่า 80% เป็นมะเร็งลำไส้ การทดลองในครั้งแรกๆ ยังไม่มีการยอมรับกันว่า เมื่อไนไตรท์ทำให้หนูเป็นมะเร็ง ได้ก็ยังพิสูจน์ ไม่ได้แน่นอนว่า จะทำให้คนเป็นมะเร็ง เหมือนอย่างหนู
แต่จากการศึกษาประวัติคนไข้ และการเก็บสถิติเปรียบเทียบกับคนไข้อื่นๆ ที่ไม่ได้บริโภคไขมันสัตว์ และเนื้อสัตว์ นายแพทย์ซิมโมน และกลุ่มแพทย์ในสถาบันมะเร็ง มีความเห็นว่า การบริโภคไขมัน และเนื้อสัตว์มาก และเป็นเวลานานนั้น มีส่วนทำให้เกิดมะเร็ง ในช่องท้องได้แน่นอน
ในเมืองไทยเรา ศาสตราจารย์นายแพทย์ ม.ร.ว.ธันยโสภาค เกษมสันต์ นายแพทย์ใหญ่ ท่านหนึ่งก็ได้กล่าวรับรองเรื่องการบริโภคเนื้อสัตว์ มากจนเกินไปว่าเป็นสาเหตุ ที่ทำให้เกิด มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
ท่านอาจารย์ ม.ร.ว. ธันยโสภาค เป็นเพื่อนร่วมงานในแผนกการแพทย์ ผสมผสานของ โรงพยาบาล บางปะกอกร่วมกับผม ท่านได้ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และได้ค้นคว้า เรื่องโรคมะเร็ง และ วิธีรักษา มะเร็ง ซึ่งแตกต่างไปจากวิธีรักษาในปัจจุบัน และได้ยอมรับว่า การบริโภคที่ผิดๆ โดยเฉพาะ การบริโภคสเต็ก หรือเนื้อสัตว์ล้วนๆ นั้นเป็นส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ท่านป่วย เป็นมะเร็ง (โปรดหาอ่าน หนังสือของท่าน “เมื่อหมอเป็นมะเร็ง” เล่ม 1-2)
สำหรับนายแพทย์ซิมโมนนั้น นอกจากจะได้ศึกษาถึงการบริโภคเนื้อสัตว์แล้ว ยังได้ศึกษา ต่อไปอีกว่า การบริโภค อาหารอื่นๆ นั้น ยังมีอาหารอะไรอีกบ้างที่ทำให้เกิดมะเร็ง
นายแพทย์ซิมโมนได้พบว่า บริโภคเนื้อสัตว์ ประเภทปิ้ง ย่าง ร่วมกับการดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ทำให้เกิด เป็นมะเร็งได้ มากกว่าปกติ
โดยเฉพาะเรื่องไวน์นั้น ปกติการหมักไวน์ จะต้องมีระยะเวลาการหมักเหล้าเป็นเวลา นับเป็นปีๆ แล้วแต่ คุณภาพของไวน์ แต่ก็ยังมีพวกพ่อค้าหัวใส คิดค้นยาเคมีที่จะเร่ง ให้เหล้าไวน์ กลายเป็นไวน์ ที่ดื่มได้ ในเวลาอันรวดเร็ว แทนที่จะต้องรอเป็นปีๆ สารเคมีตัวนี้ คือ DIETHYLPYROCARBONATE : ซึ่งเมื่อใส่ ในเหล้าไวน์ จะสามารถทำให้เหล้าดิบๆ กลายเป็นไวน์ได้ ภายในชั่วเวลาเพียง 2 เดือน แทนที่จะเป็นปีๆ ดังแต่ก่อน และเคมีตัวนี้ ใส่ไปในเหล้าดิบ เพียงนิดเดียว ขนาด 0.1 ส่วน ต่อพันล้านส่วน ก็สามารถจะสร้าง สารก่อมะเร็ง ซึ่งเรียกว่า “ยูรีแทน” ได้
เพราะฉะนั้น หากจะชอบกินเนื้อสัตว์ ปิ้ง ย่าง ซึ่งมีไนโตรซามีนผสมกับไวน์ถูกๆ ซึ่งมี “ยูรีแทน” ก็ลองคิดดูว่า มะเร็งในช่องท้อง จะสุขสันต์หรรษาสักเพียงไหน หากได้มีโอกาส เข้าไปผสมพันธุ์กัน ในช่องท้อง ของเราเอง
ที่อุตส่าห์ไปขุดคุ้ยเรื่อง “เนื้อสัตว์” และเหล้า มาเล่าสู่กันฟังคราวนี้ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ด้วยความรัก และหวังดีจริงๆ ว่า ขณะนี้เรากำลังเห่อฟาสต์ฟู้ด หรืออาหารจานด่วน “เนื้อ นม ไข่” กันอย่างเหลือเกิน ทั้งลูกเล็กเด็กแดง จนถึงผู้ใหญ่ ก็ฟาสต์ฟู้ดและเนื้อนมไข่กันเป็นแถว คุณๆ ผู้ใหญ่ยังแถมเห่อ เรื่องไวน์กัน เป็นของโก้ ตามกันไปด้วย ระวังเรื่อง เนื้อ นม ไข่ และเหล้าไวน์ ซึ่งมียูรี แทนกันหน่อย ดีไหมครับ.
* * * * * * * * *
ข่าวคอร์สสุขภาพ ชมรมชีวจิต
“เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นสักนิด น่าอภิรมย์สักหน่อย” กับคอร์สสุขภาพการดำเนินชีวิต แนวทางชีวจิต จัดโดยชมรมชีวจิต
ติวเข้มกับอาจารย์สาทิส อินทรกำแหง วันที่ 19-23 ตุลาคม 2545 ที่โรงแรมโรสกาเด้น เอไพรม์ รีสอร์ท (สวนสามพราน)
รายละเอียดติดต่อ ชมรมชีวจิต โทร. 0-2570-8220 หรือ คุณสิริแก้ว โทร. 0-1625-7875 คุณกุสุมาลย์ โทร. 0-1439-4110.
ไทยรัฐ ๑ กันยายน ๒๕๔๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น