อาทิตย์นี้ขอพูดถึงแร่ธาตุสำคัญตัวหนึ่ง ถ้าคุณขาดแร่ธาตุตัวนี้ นอกจากจะ ชีวิตไม่มีชีวา แล้ว ยังจะทำให้ป่วยหนักได้ด้วย
แร่ธาตุตัวนี้ คือ ไอโอดีน
ที่ผมชอบพูดอยู่เสมอว่า ชีวิตต้องมีชีวา นั้น หมายความว่า ร่างกายของเราไม่ใช่สักแต่ว่า จะต้องดำรงอยู่มีชีวิต อยู่ตามอายุอันสมควรเท่านั้น แต่จิตใจของเราจะต้องสดชื่นแจ่มใส มีความสุขสนุกสนาน มีอารมณ์ขัน เห็นชีวิตเป็นสิ่งมีค่าน่ารื่นรมย์ด้วย
ไอโอดีน หรือถ้าจะเรียกให้ถูกจริงๆ ก็ต้องเรียกว่า ไอโอไดน์ นั้น มีความสำคัญต่อร่างกายและจิตใจ มากเช่นกัน คือทำให้ร่างกายแข็งแรง และทำให้จิตใจสดชื่น สนุกสนานเป็นตัวสำคัญที่ทำให้ ชีวิตมีชีวา
ไอโอดีน เป็นแร่ธาตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้อย่างถูกต้อง ต่อมไทรอยด์อยู่ ตรงกลางลำคอของเรา ตรงลูกกระเดือกนั่นแหละครับ
เมื่อเรากินอาหารเข้าไปถูกย่อยและถูกดูดซึมเข้าไปเลี้ยงร่างกายและสร้างพลังให้เรามีเรี่ยว มีแรงนั้น ต่อมไทรอยด์เป็นตัวสำคัญที่ควบคุมการหมุนเวียนพลังไปทั่วร่างกาย ถ้าต่อมไทรอยด์ ทำงานไม่ได้ดี เกิดอาการที่เราเรียกว่า HYPOTHY-ROIDISM เราก็เหมือนกับคนง่อยเปลี้ยเสียขา คือหมดเรี่ยวหมดแรง เหมือนรถยนต์ขาดนํ้ามัน
แร่ธาตุไอโอดีน เป็นตัวสำคัญที่ช่วยให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ เมื่อเรากินอาหารที่มีไอโอดีนเข้าไป (ซึ่งอาหารแต่ละมื้อของเราควรจะมีไอโอดีนในอัตราถูกต้องทุกมื้อ) ไอโอดีนทั้งหมดในร่างกาย จะไปสะสมอยู่ที่ต่อมไทรอยด์เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์
หน้าที่ของไอโอดีนนั้น จะเข้าไปช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ช่วยให้มีเรี่ยวมีแรง ช่วยให้สมองแจ่มใส และช่วยบำรุงผม เล็บ ฟัน และผิวหนังให้สมบูรณ์สดชื่น
เฉพาะเรื่องผม เล็บ ฟัน และผิวหนังนี้ เราจะสังเกตได้ง่ายกว่าเพื่อน ว่าแต่ละคนนั้นมีไอโอดีน ในร่างกายเพียงพอหรือไม่
ถ้าสังเกตชาวไร่ชาวนาในภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะเห็นว่าผิวหนัง ไม่สดชื่น ผมหยาบกระด้าง ยิ่งเป็นคนที่ทำงานหนักกลางแจ้งอยู่ตลอดเวลา จะเห็นความเหี่ยวย่น ของผิวหนัง ผมแตกกระด้าง ฟันหักฟันหลอได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ทั้งนี้เพราะประชากรในภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น อยู่ห่างไกลทะเล ขาดแร่ธาตุไอโอดีนตั้งแต่เล็กๆ
แต่ในสมัยนี้ ประชาชนคนไทยอีกมากมาย ถึงแม้ ว่าจะอยู่ใกล้ ทะเล แต่ก็เป็นโรคขาด ไอโอดีนกันมากเช่นกัน ทั้งนี้เพราะความนิยมการกินอาหารตามแฟชั่นเรามีมากขึ้น ชอบกินอาหารสำเร็จรูป อาหารจานด่วน และอาหารตามแฟชั่น จึงขาดแร่ธาตุไอโอดีนเช่นกัน
ตามหลักเกณฑ์การค้นคว้าแนชชั่นนัลรีเสิช เคาซิล ของสหรัฐอเมริกา กำหนดไว้ว่า ควรจะได้กินอาหารซึ่งมี ไอโอดีนอยู่อย่างน้อยวันละ 150 ไมโครแกรม และถ้าเป็นสตรีซึ่ง กำลังตั้งท้องหรือให้นมลูก ควรจะเพิ่มไอโอดีนเป็นวันละ 175-200 ไมโครแกรม
แต่แม้ว่าจำนวนปริมาณอย่างตํ่าของไอโอดีนกำหนดไว้ค่อนข้างน้อยอย่างนี้ คนสมัยใหม่ก็ยังเป็นโรคขาดไอโอดีน ทั้งนี้เพราะการทำอาหารในปัจจุบัน ของเราโดยเฉพาะ อาหารสำเร็จรูปนั้น ทำลายแร่ธาตุไอโอดีนในอาหาร และขณะเดียวกัน พืชพรรณต่างๆ ที่ใช้เพาะปลูกเป็นอาหารนั้น สภาพของดินในปัจจุบัน ขาดแร่ธาตุหลายอย่าง รวมทั้งไอโอดีนด้วย
คนรุ่นใหม่จึงเป็นโรคขาดไอโอดีน และถ้าหากจะสังเกตรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ ผิวหนัง และเส้นผมดู ก็จะเห็นได้ง่าย เพราะท่านเหล่านี้ดูแก่เกินอายุตามความเป็นจริง คือผิวหนังเหี่ยวง่าย เส้นผมหยาบแห้งกรอบ เหล่านี้ เป็นต้น และหลายคนมีอาการทางประสาทด้วย
มีแพทย์อยู่สองกลุ่มที่ศึกษาและรักษาโรคแก่เกินวัยกลุ่มหนึ่งคือ แพทย์หญิงเลสลี่ย์ ซาลอฟ และคาล เวค นักวิทยาศาสตร์ทางอาหารจากเวสท์ ไนแอค นิวยอร์ก และอีกกลุ่มหนึ่งคือ แพทย์สองสามีภรรยา ไบรอัน มอร์แกน และ โรเบอร์ตา มอร์แกน จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย
ทั้งสองกลุ่มนี้มีรายงานการดูแลและรักษาคนไข้เหมือนๆ กัน คือ คนไข้ที่มีลักษณะ เหี่ยวแห้งทางร่างกาย และสภาพจิตใจหดหู่ มีความเสื่อมโทรมแก่เกินกว่าวัย
แพทย์หญิงซาลอฟได้ยกตัวอย่างคนไข้ชื่อ ไอรีน ที. ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นผู้หญิงสาวสวย สดใส มีชีวิตชีวา แต่เธอแต่งงานได้เพียง 10 ปี และผิดหวังในชีวิตแต่งงานอย่างรุนแรง
ชีวิตเธอตอนหลังกลายเป็นคนแก่ ใบหน้าย่น ผิวหนังเหี่ยว มีรอยตกกระเต็มตัว ผมซึ่งเคยดกดำเป็นมัน แตกแห้งหงิกงอและร่วงบางมองเห็นหนังศีรษะ
นอกจากนั้น ความจำของเธอเสื่อม จำอะไรไม่ค่อยได้ ควบคุมจิตใจไม่ค่อยได้ รู้สึกเหมือนคนเสียสติ
หลังจากตรวจร่าง-กายและสภาพจิตใจของเธอแล้ว หมอซาลอฟพบว่า ไอรีน ที. ขาดไอโอดีน อย่างรุนแรง และการผิดหวังในชีวิตแต่งงาน ทำให้เธอเครียดและกลายเป็นโรคประสาท
เมื่อตรวจดูสภาพร่างกายด้านอื่นๆ พบว่า ความดันโลหิตตํ่า และน่าสงสัยว่าจะเป็นอาการเกี่ยวกับ ไทรอยด์ จึงตรวจดูการทำงานของต่อมไทรอยด์โดยละเอียด พบว่าต่อมไทรอยด์ทำงานบกพร่อง มีอาการที่เรียกว่า HYPOTHYROID
หมอซาลอฟตกลงที่จะแก้อาการของไทรอยด์ก่อน และแทนที่จะให้ยาทางเภสัชกรรมซึ่งมีแร่ธาตุ ไอโอดีนอยู่ในนั้น หมอซาลอฟกลับแก้ด้วยวิธีธรรมชาติ คือให้อาหารที่มีไอโอดีนอยู่ในอาหารแทน
หมอซาลอฟสั่งให้ไอรีน ที. ใช้ ไอรีช มอส ซึ่งเป็นสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งมีสีแดงๆ วันละสองออนซ์ ต้มด้วยนํ้าจนเดือด แล้วดื่มทุกวัน
ปรากฏว่าในช่วงเวลา 3 อาทิตย์ อาการทุกอย่างดีขึ้น เมื่อดื่มนํ้าสาหร่ายทะเลต่อไปครบหนึ่งเดือน อาการทุกอย่างก็หายเป็นปลิดทิ้ง ไอรีน ที. กลับกลายเป็นสาวสวยอ้วนท้วนแข็งแรงตามเดิม
คนไข้อีกหลายคนของแพทย์อีกกลุ่มหนึ่งก็มีอาการเหมือนไอรีน ที. ของหมอซาลอฟ และตัวอย่างที่เด่นมากคือ คนไข้ของนายแพทย์ไบรอัน มอร์แกน ชื่อ เบ็ตตี้ กรีน อายุ 59 ปี ซึ่งมีอาการป่วยแบบไอรีน ที. เหมือนถอดแบบฝาแฝดออกมาเลย คือ มีอาการเหนื่อยเพลีย ท้องผูก ทนอากาศหนาวและเย็นไม่ได้ นอกไปจากนั้นผิวหนังและเส้นผมแห้งและแตกเหมือนคนแก่อายุสัก 80 ปี
นายแพทย์มอร์แกนให้การรักษาแบบเดียวกับหมอซาลอฟ แต่แทนที่จะให้ต้มนํ้าสาหร่ายทะเลดื่ม เหมือนซาลอฟ มอร์แกนกลับให้ไอโอดีนอย่างชนิดเป็นเม็ดสกัดจากต้นไม้ทะเลที่เรียกว่า เคลพ์ เบ็ตตี้ กรีน ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน อาการป่วยทางกายและจิตใจของเธอหายขาด
สำหรับท่านผู้อ่านที่ได้ไปตรวจร่างกายแล้วพบว่า ขาดสารไอโอดีน และมีอาการอ่อนเพลีย และสภาพผิวหนังและเส้นผม เหมือนคนแก่อย่างนี้
ลองใช้เพิ่มไอโอดีนจากอาหารก่อนนะครับ สาหร่ายทะเลเมืองไทยเรามีมากมาย ใช้ทำอาหารได้ง่าย ทำเป็นซุปหรือแกงจืดก็ได้ หรือจะใช้สาหร่ายทะเลอย่างแห้ง ปริมาณ วันละ 2 ช้อนโต๊ะ ต้มนํ้าเดือดแล้วดื่มเพียวๆ ก็ได้นะครับ
สาหร่ายสดๆ สีแดง เขาทำเป็นสลัดสาหร่าย ในร้านอาหารญี่ปุ่นก็อร่อยดี แต่ออกจะแพงหน่อย ระวังดีๆ นะครับ สุขภาพดีขึ้น แต่กระเป๋าแฟบ ก็ป่วยได้เหมือนกัน.
ไทยรัฐ ๑๗ มี.ค.๔๕
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น