วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ระวังน้ำตอนสงกรานต์

ทุกปีก่อนจะถึงสงกรานต์ ผมมักจะมีเรื่องมาคุยล่วงหน้าให้ระวังโรคต่างๆ ซึ่งอาจจะเกิดกับตัว คุณเองระหว่างเทศกาลสงกรานต์ หรือว่าที่จริงก็คือระหว่างหน้าร้อนนั่นเอง

หน้าร้อนเป็นหน้าที่ทุกคนค่อนข้างจะหงุดหงิด เพราะความร้อนในระยะนี้เรียกได้ว่าเป็นหน้าร้อน ชนิดสุดๆ จริงๆ ยิ่งเป็นหน้าที่กิจการบ้านเมืองเกิดเรื่องวิกฤติกันบ่อยๆ เดินขบวนบ้าง ประท้วงกันบ้าง ม็อบหน้าทำเนียบรัฐบาลบ้าง มันดูเหมือนจะร้อนและหงุดหงิดจนชักจะมีปฏิกิริยาออกไปทางบ้าๆ กันมากจริงๆ ครับ

และกับพอดีหน้าที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน โรงเรียนและมหาวิทยาลัยก็ปิดภาคกันด้วย ท่านที่หงุดหงิดอยู่แล้วก็เลยหาทางออกด้วยการหยุดงาน ลาพักผ่อนและถือโอกาสไปฉลองสงกรานต์ กันเป็นการใหญ่

การไปเที่ยวชนิดที่จะหนีร้อนหนีความหงุดหงิดนี่แหละครับ ทำให้เราฉลองสงกรานต์ กันอย่างลืมตัว ยิ่งหนุ่มๆ สาวๆ แล้วอย่าให้พูดเลย ฉลองกันราวกับว่ามีวันนี้วันเดียว พรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว

ก็เลยกิน ก็เลยเที่ยว ก็เลยฉลองสงกรานต์ สาดนํ้ากันเป็นการใหญ่ แล้วก็เลยต้องเข้าโรงพยาบาลต่อ ป่วยกันเป็นแถวๆ

ปีที่ผ่านมาได้พูดถึงเรื่องโรคฤดูร้อนแล้ว ปีนี้จึงจะไม่พูดซํ้าอีก แต่จะขอพูดถึงวิธีแก้ว่า เมื่อคุณไปสนุกกันจนสุดเหวี่ยงแล้วก็ป่วย จะแก้ไขกันอย่างไรดี

โรคที่เป็นกันมากระหว่างสงกรานต์ (และเพราะฤดูร้อนด้วย) ก็มักจะเป็นโรคซึ่งเกิดจากอาหารและนํ้า

อาหารเป็นพิษเกิดขึ้นได้ง่ายในระหว่างสงกรานต์ หน้าร้อนและระหว่างการท่องเที่ยว ผมได้พูดถึงสาเหตุของอาหารเป็นพิษว่าตัวการสำคัญก็คือ อาหารสกปรก ท่านที่กำลังท่องเที่ยว อย่างสนุก มักจะกินอาหารกันตามร้าน อาหารตามร้านสกปรกง่ายในหน้าร้อน เพราะอากาศร้อน อย่างหนึ่งทำให้อาหารสดกลายเป็นอาหารเสีย ยิ่งอาหารทะเลแล้วบูดเน่าเสียง่ายเป็นพิเศษ ในหน้าร้อน วิธีแก้ของพ่อค้า-แม่ค้าก็คือใส่ยากันบูด และแช่ฟอร์มาลินอย่างชนิดที่อาหารเหล่านั้น ทำท่าจะเป็นศพดองกันจริงๆ

เรื่องอาหารเป็นพิษจึงกลายเป็นพิษสองเท่า คืออาหารเกิดบูดแล้วยังจะเจอพิษตกค้างจาก ฟอร์มาลินอีก อาการของผู้ที่ป่วยจะออกมาเหมือนกันคือ ท้องเดิน ท้องร่วง ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ในรายที่เป็นมากๆ จะปวดหัว มีไข้สูง อาเจียน และถ่ายท้องไม่หยุด บางรายถึงกับชัก ขากรรไกรค้างก็มี ถ้าหากไปเจออาหารหลายขนานที่มีสารพิษทั้งนั้น หรือบางทีไปกินอาหารประหลาดๆ เช่น ลาบเลือดเต่าสดๆ ก็มีตัวอย่างถึงตายมาแล้ว

อาการของผู้ที่เป็นมากๆ นั้น ได้บอกไว้ตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าอย่ารั้งรออยู่เลย รักษาเองคงจะไม่ไหว ต้องส่งโรงพยาบาลแน่นอน ปีนี้มีข้อแนะนำเพิ่มเติม เพราะได้พบคนไข้ซึ่งมีอาการซับซ้อนและ ไม่ทราบว่าตัวเองป่วยอยู่ก่อนแล้ว คนไข้คนหนึ่งหลังจากเจออาหารเป็นพิษ เข้าโรงพยาบาลพอจะกลับบ้านได้ แต่ก็มีอาการป่วยอย่างอื่นเหมือนคนป่วยเรื้อรัง คือยังปวดท้องและถ่ายเป็นเลือดสีคลํ้าอยู่เป็นประจำไม่หายขาดสักที

เมื่อคณะแพทย์ตรวจกันโดยละเอียดจึงพบว่า คนไข้เป็นโรคแผลในกระเพาะด้วย ข้อสำคัญก็คืออาการปวดท้องนั้น เคยเป็นมาก่อนแล้วเป็นครั้งคราว แต่ไม่มีเลือดออกเลย และเมื่อป่วยหลังจากไปเที่ยวสงกรานต์และมีอาการจากอาหารเป็นพิษ กลับมากรุงเทพฯ แล้วก็ยังปวดท้อง แพทย์ที่รักษาจึงแนะนำให้พักผ่อน ให้กินอาหารอ่อน และเหลวๆ สักพักหนึ่ง

ปรากฏว่ายิ่งปวดท้องและถ่ายออกมาเป็นเลือดมากขึ้น แพทย์จึงต้องตรวจกระเพาะ และลำไส้เป็นการใหญ่

ผลปรากฏว่าพบสาเหตุง่ายๆ คือ ผู้ป่วยมีแผลในปากหลายแผล และยังมีแผลที่กระเพาะอาหารด้วย ที่ออกจะน่าประหลาดใจก็คือพบเมล็ดงาค่อนข้างดิบ และเมล็ดดอกป๊อปปี้ติดอยู่ที่แผลในกระเพาะด้วย

สอบถามประวัติการกินพบว่า ตอนที่แพทย์สั่งให้พักผ่อนและกินอาหารอ่อนนั้น ผู้ป่วยก็ทำตามอย่างเคร่งครัด อาหารอ่อนก็กินตามสั่ง แต่โดยเหตุที่ชอบผลไม้และสลัดผัก ก็เลยกินผลไม้ประเภทส้ม มะเขือเทศ และผักสดอ่อนๆ มาก โดยเฉพาะส้มโอกินมากเป็นพิเศษ กินตลอดวัน

ซุปต่างๆ กินตลอดวัน และชอบกินขนมปังกับซุป และจะเอาขนมปังพิเศษชนิดแปลกๆ ที่ใส่งาและเมล็ดป๊อปปี้มาปิ้งกินด้วย บอกว่าขนมปังแบบนั้นหอมอร่อยดี

ก็เลยไขปัญหาลึกลับนั้นได้ ผู้ป่วยคงจะมีแผลในกระเพาะอาหารมานานแล้ว แต่ยังไม่มีอาการ เพราะเป็นน้อย และความที่ชอบพวกส้ม มะนาว มะเขือเทศมากๆ ก็เลยกินเสียจนจุใจ อาหารพวกนี้เป็นกรดผสมกับอาหารพวกแป้ง (ซุป-ขนมปัง) มากๆ ความเป็นกรดก็มากขึ้น แผลในกระเพาะเป็นมากขึ้น และแผลในปากเนื่องจากอาหารเป็นกรดมากเกินไป ก็เลยเป็นแผลตามมาด้วย

นอกจากนั้นความที่ชอบอาหารฝรั่ง ชอบกินขนมปัง เอาขนมปังชนิดปรุงพิเศษ ใส่งา ใส่เมล็ดพืช เมื่อเอาขนมปัง มาปิ้ง งาและเมล็ดพืชเคี้ยวไม่ได้ เข้าไปในกระเพาะทั้งเม็ด ไม่ย่อย เกาะกันที่แผลเยอะไปหมด เลือดเลยออกไม่หยุด

นี่แหละเรื่องเล็กๆ เรื่องง่ายๆ กลายเป็นเรื่องยากและเรื่องใหญ่ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะไปเที่ยว คุณน่าจะวิจารณ์วิจัยตัวเองดูให้ละเอียดสักนิด ผมรู้สึกว่าผู้ป่วยท่านนี้คงจะการกินการอยู่ อยู่ในสภาพฐานะดีพอสมควร แต่คงเครียดและทำงานหนัก โรคกระเพาะถามหามานานแล้ว และพอได้ หยุดเทศกาลก็พยายามจะคลายเครียดเต็มเหยียด เที่ยว-กิน-ดื่มเต็มที่ เลยเจออาหารเป็นพิษแล้วก็ทำให้โรคแผลในกระเพาะ ซึ่งเป็นเล็กน้อยนั้น กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องยากไป

เอาละครับ ทีนี้ก็มาถึงของแถมหลังสงกรานต์ ปีนี้ จากตัวอย่างของท่านที่ป่วยหลังสงกรานต์ ที่กล่าวมานี้ ผมนึกได้ว่าน่าจะมีอะไรปลอบใจท่านที่มีอาการหลังสงกรานต์สักนิด

ข้อแนะนำก็คือ หลังจากป่วยแล้ว ลองพักฟื้นด้วยการจัดอาหาร-นํ้าคั้นจากผักผลไม้ และวิตามินตามสูตรต่างๆ ดังนี้ดีไหมครับ

สูตรนี้เรียกว่า “อดครึ่ง กินครึ่ง” (HALF FAST)

1. อาหารให้ใช้อาหารอ่อน แกงจืด หรือแกงเลียง (ผักต้องต้มให้เปื่อย) ซุปต่างๆ ขนมปัง :
(โฮลวีท)

2. นํ้าคั้นจากผัก-ผลไม้ เช่น เซลเลอรี่ หนึ่งแก้ว นํ้าส้ม (ไม่หวานจัด) หนึ่งแก้ว

3. วิตามิน A 10,000 I.U 1 เม็ด C 1,000 มก. 1 เม็ด E 400 I.U 1 เม็ด

ซีเลเนียม 50 ไมโครแกรม 1 เม็ด

สังกะสี (ZINC) 100 มก. 1 เม็ด

อาหารชุด “อดครึ่ง กินครึ่ง” นี้ ให้กินสัก 3-5 วัน (แล้วแต่คุณเป็นคนผอมหรืออ้วน) ส่วนวิตามิน-แร่ธาตุ ควรกินอย่างน้อย 14 วัน

ขอให้งดชา-กาแฟที่คุณกินจนติดเสียก่อน เพราะเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน 5 ถ้วย จะทำให้ความดันโลหิตขึ้นถึง 14 จุด ได้แน่นอน (จากรายงานของนายแพทย์วิลเลียม โรเจอร์ มหาวิทยาลัยเท็กซัส)

ในระหว่างนี้ ควรจะลองทำดีท็อกซ์สัก 5 วัน

สูตรนี้จะทำให้คุณล้างของสกปรก ซึ่งทำให้คุณป่วยออกจากร่างกาย และจะทำให้คุณสดชื่นกระชุ่มกระชวยขึ้น

เขียนมาคุยกันได้ที่ FAX 0-2570-8273 ครับ.

ไทยรัฐ ๑๔ เม.ย.๔๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น