พื้นที่ของโลกทั้งหมดเป็นน้ำเสีย 72% หรือเกือบจะ 3/4 ของโลกเป็นน้ำ
และน้ำเกือบทั้งหมดเป็นน้ำทะเล ถ้าเอาน้ำทะเลทั้งหมดมาต้มให้ระเหยกลายเป็นไอ ก็จะได้เกลือ ปริมาณ มากมายนักหนา สามารถจะท่วมพื้นดิน ทั้งหมดของโลก ให้สูงเทียมฟ้า (น้ำทะเล 1 กก. จะมีเกลือ 35 กรัม)
โลกเรานี้เค็มเหลือประมาณ เท่านั้นยังไม่พอ คนเรายังเค็มตามโลกเข้าไปด้วย อาหารการกิน ทุกอย่าง ของคนสมัยใหม่ เดี๋ยวนี้เหมือนกับกินเกลืออย่างเดียว เกือบจะไม่รู้รส ของอาหารแท้ๆ เอาเสียเลย
อาหารกระป๋องแทบทุกอย่างต้องใส่เกลือ ผักกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ซุป เครื่องแกง อาหารแช่แข็ง แม้แต่กระทั่ง ไอศกรีมยังต้องใส่เกลือ เนยแข็ง อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ขนมปังกรอบ ขนมปัง อาหาร อบทอด อาหารกินเล่นทุกอย่าง
เป็นไปได้อย่างไร แม้แต่ของหวานอย่างไอศกรีมยังต้องใส่เกลือ คำตอบง่ายมาก ของหวาน ใส่เกลือลงไปแล้ว ทำให้รสหวานนั้น กลมกล่อมยิ่งขึ้น
อาหารเด็กอ่อนก็เหมือนกัน ต้องการรสหวาน และเมื่อจะให้นมหรืออาหารเด็กอ่อน มีรสอร่อยขึ้น ก็ต้องใส่เกลือ ลงไปด้วยเช่นกัน
เด็กสมัยใหม่ของเรา ไม่ค่อยได้มีโอกาสกินนมแม่ แต่เขาจะถูกฝึกให้กินเค็ม ตั้งแต่เกิด
สมมติว่าเด็กหรือหนุ่มสาวสมัยใหม่ เดี๋ยวนี้ เขากินแต่อาหารสมัยใหม่หรือฟาสต์ฟู้ด ลองมาดูกันว่า วันหนึ่ง เขากินเค็มกันอย่างไร
ว่ากันตั้งแต่อาหารมื้อเช้าก่อน มื้อเช้าประกอบไปด้วย ไข่ดาว 1 ฟอง เบคอน 3 ชิ้น ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น ไส้กรอกทอด 2 แท่ง
อาหารกลางวัน แซนด์วิชทูน่า 2 คู่ สลัดผักหนึ่งจาน
อาหารเย็น ซุปไก่ 1 ถ้วย พิซซ่าขนาดเล็กหนึ่งชิ้น ถั่วแดงอบราดซอส 1 ถ้วย ไส้กรอกเยอรมัน 1 แท่งใหญ่ ถั่วฝักยาวกระป๋องอบเนย 1 ถ้วย
ถ้ารายการอาหารแบบคนสมัยใหม่อย่างนี้ ศาสตราจารย์เคอร์มิท แทนทัม แห่งวิทยาลัยแพทย์ มิลตัน เฮอร์เชย์ เพนซิลวาเนีย ได้ลองแยกแยะดู จะได้เกลือเค็ม ดังต่อไปนี้
ไข่ดาวใส่เกลือ-พริก-ไทย เกลือ 1,000 มก. เบคอน 3 ชิ้น เกลือ 1,200 มก. ไส้กรอก 2 แท่ง เกลือ 900 มก. แซนด์วิชทูน่า 2 คู่ เกลือ 860 มก. ซุปไก่ 1 ถ้วย เกลือ 1,050 มก. พิซซ่า 1 ชิ้น เกลือ 650 มก. ถั่วแดงอบราดซอส เกลือ 900 มก. ไส้กรอกเยอรมัน เกลือ 1,000 มก. ถั่วฝักยาว เกลือ 925 มก.
รวมแล้วเป็นเกลือทั้งหมด 8,485 มก. หรือ 8.5 กรัม ซึ่งจะเกินไปจากที่กรรมการอาหาร และยา ของสหรัฐอเมริกา ได้กำหนดไว้ถึงกว่า 2 เท่าตัว ปริมาณเกลือต่อวันนี้ ยังไม่ได้นับถึง อาหาร กินเล่น ประเภทกรอบๆ เช่น ถั่ว มันฝรั่งด้วย ซึ่งถ้ารวมอาหารเหล่านี้เข้าไป ปริมาณ เกลือต่อวัน ก็จะเป็นพิษต่อร่างกายแน่นอน
ตัวอย่างและตัวเลขปริมาณเกลือที่กล่าวมานี้ เป็นตัวเลข จริงๆ ซึ่งสำรวจมาแล้วจากอาหารประจำวัน คนอเมริกัน ผม ได้เอามาเปรียบโดย อนุโลมเข้ากับ อาหารฟาสต์ฟู้ด ของคนไทย ซึ่งขณะนี้ กำลังมีอิทธิพล ต่อชีวิตคนไทย สมัยใหม่ มากเหลือเกิน
ตัวเลขที่น่าสนใจที่สุดอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งศาสตราจารย์แทนทัม ได้รวบรวมไว้ก็คือ น้ำอัดลม และน้ำหวานต่างๆ นั้น มีเกลือ ผสมอยู่ด้วยทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วย เบียร์หนึ่งขวด มี เกลือถึง 25 มก. น้ำมะนาว (หวาน) มี เกลือ 50 มก. น้ำส้ม 1 กล่อง มี เกลือ 35 มก. น้ำสับปะรด 1 กล่อง มี เกลือ 8 มก. เหล่านี้ เป็นต้น
ส่วนนมเนยเหลว เนยแข็งนั้น ไม่ต้องสงสัย ต้องใช้เกลือผสม เพื่อไม่ให้เสียเร็ว อย่างหนึ่ง และเพื่อให้ รสอร่อยขึ้น อย่างเช่น เนยแข็ง พามีซาน 1 ชิ้น 28 กรัม มีเกลืออยู่ถึง 528 มก. (โอ้โฮ)
แล้วพวกชอบกินพิซซ่าอยู่ทุกวันเป็นไง หายใจออกมา สงสัยมีกลิ่นเกลือ คลุ้งไปหมด
ศาสตราจารย์แทนทัมได้แอบแวะไปที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ดังๆ หลายร้าน และนี่คือ รายงาน ของแทนทัม
แฮมเบอร์เกอร์ เนื้อ และเนยแข็ง 1 ก้อน มีเกลือ 1,220 มก. แฮมและเนยแข็ง 1,350 มก. เนื้อย่าง ซุปเปอร์ 1,420 มก. แซนด์วิชสวิสส์คิง 1,585 มก. ไก่งวงเดอลักซ์ 1,220 มก.
ตามสถิติในอเมริกาเมื่อ 20 ปีมาแล้ว(ปี 1981) มีประชาชนประมาณ 30% เป็นโรคความดัน โลหิตสูง ในปัจจุบัน อัตราความดันโลหิตสูง ของคนอเมริกัน คงจะมากกว่านี้ อีกสองเท่าเป็นอย่างน้อย
เพราะปัจจุบันคนกินอาหารฟาสต์ฟู้ดกันมากขึ้น ที่น่าแปลกก็คือ เมื่อ 20 ปีมาแล้ว เมื่อตรวจสุขภาพ ของคนเหล่านี้ พบว่าเป็นความดันโลหิตสูง เมื่อถามว่า ทราบไหมว่า ความดันโลหิตสูง ของคนเหล่านี้ เกิดจากอะไร คำตอบที่น่าอัศจรรย์ก็คือ 90% ของคนเหล่านี้ ตอบว่าไม่รู้ แสดงว่า เมื่อ 20 ปีก่อน ประชากร ชาวอเมริกัน ไม่มีความรู้ ในเรื่องอาหารการกินเอาเสียเลย
เมื่อมาดูเมืองไทยเราเพิ่งจะเริ่มเห่ออาหารฝรั่ง และเริ่มจะเห่ออาหาร ฟาสต์ฟู้ด ฉะนั้น โรคต่างๆ อันเกิดจากกินอาหารผิดๆ คนไทยไม่ค่อยรู้ และไม่สนใจอีกเช่นกัน
แต่ขอให้ทราบเถิดว่า นอกจากความดันโลหิตจะสูงแล้ว ยังโยงไปถึงโรคไต และโรค หัวใจด้วย นอกจาก เป็นสาเหตุโดยตรง ยังจะโยงไปถึงโรคมะเร็งได้อีก มะเร็งตับ มะเร็งถุงน้ำดี มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้ใหญ่ และ มะเร็งต่อมลูกหมากนั้น เกลือเป็น ส่วนประกอบ ที่ทำให้เกิดเป็น มะเร็งเหล่านี้ได้
ฉะนั้น ตอนนี้ก็ขอชักชวนให้เพื่อนๆ ชีวจิตทุกคนได้ลดการติดเค็มลงบ้างเสียก่อน เรื่องรสชาติ ของอาหาร เมื่อติดอย่างใดอย่างหนึ่งจนเป็นนิสัยแล้ว ยากเหลือเกินที่จะแก้นิสัย เหล่านั้นได้ ถึงคุณจะติด การกิน เค็มมากเพียงใดก็ตาม เพียงแต่ลองแข็งใจ ลดเค็มได้บ้าง เล็กน้อยก่อน ก็ยังดี เมื่อเคยชิน กับการลดแล้ว จึงค่อยๆ ลดมากขึ้น จนลดลงมาเหลือกินเค็ม (เกลือ) เพียงวันละ ไม่เกิน 3 หรือ 5 มก. ได้เป็นดีที่สุด วิธีหัดง่ายๆ อย่างหนึ่งก็คือ
1. อาหารทุกอย่างที่มีคนยกมาตั้งตรงหน้าคุณ อย่าเติมอะไรเลย กินตามรสที่เขาปรุงมาให้เท่านั้น
2. เมื่อเคยชินกับอาหารทุกอย่างไม่เติมรสอะไรเลย แล้วจึงค่อยๆ ลดความเข้มข้น ของอาหาร แต่ละชนิดต่อไป จนมีรสจืด เป็นตัวนำ
3. หัดชื่นชมกับรสธรรมชาติให้มากขึ้น เช่น ผักหรือแตงกวา กินสดๆ จืดๆ จะมีรสกรอบ -หวานอร่อย ตามธรรมชาติ.
ไทยรัฐ ๔ ส.ค. ๔๕ ชีวจิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น