วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปากเหม็น-ตัวเหม็น-ถึงตายได้ (8) หมอเทวดากับกลื่นเหม็น

ตอนนี้เป็นตอนที่แปดของปากเหม็นตัวเหม็นแล้ว ว่ากันที่จริงที่พูดมากันแต่ต้นจนบัดนี้ ได้พูดถึงสาเหตุของความเหม็น ซึ่งเกิดจาก ส่วนบนของร่างกาย ส่วนบนในที่นี้หมายถึง ตา-หู-คอ-จมูก-หลอดลม-หัวใจ-ปอด

เมื่อพูดถึงส่วนบนของร่างกายแล้ว ผมก็จะได้สรุปด้วยการพูดถึงเรื่องของการเจ็บป่วยที่ร้ายแรงของส่วนบน อย่างเช่น วัณโรค โรคมะเร็งปอด มะเร็งโพรงจมูกต่อไป

ก่อนจะถึงบทสรุปเช่นว่านั้น ขอย้ำถึงเจตนาที่ได้เขียนไว้ก่อนในบทต้นๆ ไว้ว่า ที่พูดถึงเรื่องปากเหม็น หายใจเหม็น ซึ่งถือกันว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยนั้น ผมไม่อยากจะให้เรามองความผิดปกติของร่างกายไม่ว่า จะเล็กน้อยหรือหนักหนาสาหัสอะไรว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เจตนาของผมในการเขียนเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่ต้นนั้น ข้อแรกก็คือ ต้องการให้คุณทุกคนมีความรู้เกี่ยวพันกับเรื่องของสุขภาพและการแพทย์ให้มากที่สุดที่จะมากได้ ข้อต่อไปคือ รู้จักสำรวจตัวเอง แก้ไขตัวเองและรักษาสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงและมีความสุข ทั้งกายและใจของคุณไว้ให้ได้ชั่วชีวิต

เพราะฉะนั้น อย่าได้ทำละเลยหรือเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างเช่นปากเหม็นหน่อย หายใจเหม็นนิด ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะที่เห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่สำคัญนั้นแหละอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง ที่ทำให้แสนเจ็บปวดทรมานและทำให้ถึงตายได้

ขอพูดถึงเรื่องปากเหม็นของลูกชายของเพื่อนผมท่านหนึ่ง เราเจอกันที่งานวันเกิดของเพื่อน เพื่อนผู้หญิงรุ่นน้องคนหนึ่ง พาลูกชายอายุ 24 ปี มาในงานด้วย เขาแนะนำลูกชายให้ผมรู้จักพร้อมกับถาม ผมว่า ลูกชายเจ็บคอและเป็นไซนัสอักเสบบ่อยๆ จะให้กินวิตามินอะไรดี

ผมบอกกับเธอสั้นๆ ว่า วิตามินรักษาไซนัสไม่ได้หรอก อาจจะช่วยอาการบางอย่างของไซนัสได้ แต่รักษาไม่ได้ ผมถามเธอต่อไปว่ารู้ได้อย่างไรว่าลูกชายเป็นไซนัสอักเสบ

เธอบอกว่า ลูกชายเป็นหวัดเจ็บคอบ่อยๆ หลายครั้งจะมีอาการปวดตื้อตามใบหน้า บางทีก็ปวดหัว นอกไปจากนั้น บางทีน้ำมูกไหลเป็นสีเหลืองเหมือนจะเป็นหนอง

ผมรู้สึกเอะใจ ถามต่อไปว่า เคยมีเลือดปนออกมากับน้ำมูกบ้างหรือเปล่า ลูกชายพยักหน้าบอกว่า เคยหลายครั้ง ผมบอกว่าถ้าอย่างนั้นขอตรวจดูอย่างคร่าวๆ ก่อน

เราเข้าไปในห้องเล็กซึ่งมีเก้าอี้ยาว บอกเจ้าของบ้านขอยืมไฟฉายหนึ่งดวง บอกให้ลูกชายนอนลง ผมลองเอาหัวแม่มือกดที่โหนกแก้ม ใต้ตาสองข้าง ถามเขาว่า เจ็บหรือไม่ เขาบอกว่าเจ็บทั้งสองข้าง เจ็บมากจนกระทั่งเวลาผมกดเจ็บจนทนไม่ได้

ตอนนั้นผมได้กลิ่นแปลกๆ จากลมหายใจของเขา จึงบอกให้เขาอ้าปาก ตอนนี้กลิ่นคาวๆ เค็มๆ จากปากพุ่งออกมารุนแรง จนผมต้องเบือนหน้าหนีไปพักหนึ่ง

เรื่องกลิ่นปากกลิ่นตัวนี้ ผมออกจะมีความชำนาญเป็นพิเศษในตำราแพทย์ด้านหู คอ ปาก จมูก จะพูดถึงเรื่องกลิ่นไว้เพียงเล็กน้อย โดยไม่เคยเจอะเรื่องที่จะพูดถึงกลิ่นโดยละเอียด และไม่ได้พูดถึงการวินิจฉัยโรคด้วยการดมกลิ่นกันเลย ฉะนั้นวิธีดมกลิ่นของผมจึงอาจจะเป็น เรื่องเฉพาะตัวไม่สามารถอ้างตำราที่ไหนได้ แพทย์ใหญ่ บางคนท่านอาจจะเห็นว่าวิธีของผมเป็นวิธีของ หมอเถื่อนก็เป็นได้

แต่แพทย์เก่าแก่รุ่นปู่ท่านหนึ่ง ท่านเคยสอนผมไว้ แพทย์ท่านนี้เป็นทหาร ซึ่งสมัยก่อนนี้เราเรียกกันว่า แพทย์เสนารักษ์ ท่านเป็นลูกของลุง ท่านจึงมีศักดิ์เป็นพี่ของผม แพทย์รุ่นเก่าเหล่านี้ เครื่องตรวจคนไข้ของท่านก็มีแต่หูฟังเท่านั้น คุณพี่แพทย์เสนารักษ์เคยสอนผมว่า การตรวจคนไข้นั้น ต้องอาศัย ตาดู หูฟัง มือคลำ และจมูกดม

นั่นก็หมายความว่า การตรวจคนไข้นั้นต้องอาศัยประสาทสัมผัสทุกอย่างของเราเป็นเครื่องตรวจอย่างละเอียด และก็เป็นเครื่องตรวจที่ดีที่สุดในโลกด้วย

ตาดู หมายความว่า ต้องใช้ตา มองส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างละเอียด ต้องดูหน้า ดูผิว ดูสีเลือด ลักษณะของผิวหนัง ดูกิริยาท่าทาง พี่ชายผมบอกว่าแท้ที่จริงแล้ว ต้องดูกันตั้งแต่ คนไข้เดินเข้ามาหาหมอแล้ว ต้องดูว่าเขาเดินอย่างไร เดินกระฉับกระเฉง อ่อนระโหยโรยแรง ต้องพยุงกัน เข้ามา หรือว่าต้องหามกันเข้ามา อย่างนี้เป็นต้น

หูฟัง ก็คือต้องใช้ทั้งหูฟัง (STETHOSCOPE) ซึ่งหูฟังสมัยก่อนมักจะไม่ทันสมัยเหมือนอย่างหูฟังสมัยนี้ ค่อนข้างไปทางกระบอกฟังมากกว่า แต่แพทย์รุ่นปู่ท่านก็ใช้กระบอกฟังโบราณอย่างนี้แหละ เป็นอาวุธคู่กายวินิจฉัยโรคต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากจะใช้หูฟังแล้ว ก็ใช้การฟังด้วยหูจริงๆ นี่แหละฟังดูอาการอย่างอื่น อย่างเวลาคนไข้พูดเรื่องเสียงแห้งหรือเสียงแหบอย่างไร เวลาไอ เสียงไอเป็นอย่างไร ไอแค้กๆ หรือไอโขลก อย่างนี้เป็นต้น

มือคลำ ไม่ใช่ไปใช้คลำอะไรสกปรกๆ อย่างที่บางคนคิดนะครับ แต่ใช้มือกดบ้าง คลำบ้าง ดูการเจ็บ การหัก การเคล็ดของกระดูก กดดูอวัยวะบางอย่างว่า บวม แข็ง เจ็บหรือไม่เจ็บอย่างไร

ส่วน จมูกดม นั้น ก็อย่างที่ผมบอกไว้แล้วว่า ไม่ค่อยมีในตำรา แต่อาศัยการสังเกตและความชำนาญ การรู้จักหาเหตุผลและการวินิจฉัยร่วมกันกับการตรวจแบบอื่นๆ

สมัยก่อนนี้คนไข้มะเร็งมีน้อย ไม่มากเหมือนสมัยนี้ เครื่องมือการตรวจก็ไม่มากและทันสมัย แต่คุณพี่เสนารักษ์ของผมท่านก็อาศัยการตรวจจากเครื่องมือวิเศษธรรมชาติคือ ตาดู หูฟัง มือคลำ จมูกดม เหล่านี้แหละเป็นเครื่องมือวินิจฉัยโรคร่วมกันกับความชำนาญและประสบการณ์ในการรักษาคนไข้

และที่สำคัญที่สุดก็คือ การเอาใจใส่และมีความเมตตา กรุณาต่อคนไข้ เชื่อไหมครับว่า ไม่ว่าจะดึกดื่นค่อนคืนเพียงไหน หากคนไข้มาตาม ท่านก็จะคว้าจักรยานขึ้นขี่ไปดูคนไข้ หรือบางครั้งจักรยานไม่มี ท่านก็ลงทุนเดินไปหาคนไข้ด้วยตนเอง

คนไข้ทุกคนจะเรียกท่านว่า หมอเทวดา คนไข้มะเร็งบางคน อย่างเช่น มะเร็งมดลูก ซึ่งสมัยโน้นไม่มีทางรักษา แต่ท่านก็มีวิธีดูแลให้ทุเลาความเจ็บปวดด้วยการหายาและหาวิธีทุกวิธีซึ่งอยู่นอกตำรับการแพทย์ มาใช้ มาให้คนไข้กิน ยาหม้อ ยากลางบ้าน และวิธีบำบัดแบบชาวบ้านท่านก็ใช้ แม้รักษาไม่หาย แต่คนไข้ก็ทุเลาความเจ็บปวด และอยู่ได้ในสภาพพอสบายไปได้เป็นพักๆ ถึงแม้คนไข้จะตาย แต่ก็ตายอย่างไม่ทรมาน

นี่ก็เป็นวิธีรักษาอย่างหนึ่งซึ่งผมจำได้ติดตาติดใจมาตั้งแต่เล็กๆ วิธีตรวจด้วยการดม ผมก็จำและหัดสังเกตมาจากพี่เสนารักษ์ของผม และก็หัดสังเกตหัดค้นคว้าศึกษาหาเหตุผล ผสมกับการที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมาในด้านการแพทย์บ้าง ก็พอมีความรู้พอที่จะช่วยแนะนำ ใครต่อใครได้

กลิ่นรุนแรงจากปากของลูกชายเพื่อนทำให้ ผมติดใจมากๆ ผมเอาไฟฉายส่องดูในปาก ปรากฏว่า ด้านสุดของลำคอแดงโร่ บนเพดานด้านซ้ายบวมแดงอักเสบจนเห็นได้ชัด และดูเหมือนจะมีแผ่นขาวคล้าย จะมีหนองติดอยู่ด้วย ขอช้อนเงินเล็กลองมาขูดเบาๆ ปรากฏว่า ที่ช้อนมีเมือก และมีเศษหนองติดอยู่ด้วยจริงๆ

ลองคลำดูที่คอด้านนอกข้างซ้าย คลำพบต่อมน้ำเหลืองโตก้อนเท่าหัวแม่มือ ลองกดเบาๆคนไข้บอกเจ็บๆ คันๆ

ถามเขาว่ารู้สึกว่าเสียงของเขาเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า เขาบอกว่านอกจากจะเจ็บแล้วเสียงแห้งบ่อยๆ

ผมถามถึงหนองปนเลือด หรือเลือดปนหนองที่คุณแม่เขาพูดถึงว่าออกมาทางไหน ทางจมูกหรือทางปาก ออกมามากน้อยและบ่อยแค่ไหน

เขาตอบว่าน้ำมูกที่เหมือนหนองจะออกทุกวัน แต่เลือดที่ปนออกมา จะมีนานๆ ครั้ง

ถามว่ามีอาการอื่นๆ ที่เขาสังเกตว่าผิดปกติอีกหรือเปล่า เขาบอกอย่างไม่แน่ใจว่า มันมีอาการอย่างไรก็บอกไม่ค่อยถูก ผมจึงลองตรวจดูตา หู และจมูกอย่างคร่าวๆ เพราะไม่มีเครื่องมือ ปรากฏว่าตาของเขามองไม่ชัด หูก็ได้ยินไม่ดี กดดูตามใบหน้าด้านขวา จะรู้สึกชาและเจ็บหน่อยๆ หลายจุด

ผมออกมาบอกกับคุณแม่ของเขาว่า สงสัยว่าจะไม่ใช่ไซนัสอักเสบอย่างที่เธอและลูกชายคิดเสียแล้ว อยากจะขอให้ตรวจละเอียดที่โรงพยาบาลด่วนที่สุด เพราะ ถ้าตรวจแล้ว อาการทั้งหมดตรงกับ ที่ผมเป็นห่วงมากๆ ก็จะเป็นโรคร้ายและซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังไม่กล้าบอกแน่นอนว่าโรคร้ายแรงที่ผมสงสัยนั้นคืออะไร ผมขอให้เขาไปตรวจให้ละเอียดเสียก่อน

คุณแม่ของเขาขอร้องให้ผมช่วยจัดการให้ ผมนัดเพื่อนของผมที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ตา หู คอ จมูก การตรวจต้องใช้เวลาหลายวัน เพราะต้องตรวจกันอย่างละเอียดหลายอย่าง รวมทั้งการขริบชิ้นเนื้อออกไปตรวจด้วย

อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผลการตรวจก็มาถึงมือผม ปรากฏว่าลูกชายของเพื่อนเป็นมะเร็งโพรงจมูก และกระจายไปที่สมองแล้วด้วย.

+ + + + + + + + + + +

เราจะจัดกิจกรรมออกกำลังอีกครั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน เริ่มตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ที่สโมสรกรมชลประทาน ปากเกร็ด โปรดนำตะบอง/ ผ้าปูและอาหารมารับประทานร่วมกัน.

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น