วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552

มันมากับลมร้อน ระวังให้ดีครับ

โรคเกี่ยวกับท้องไส้กำลังมาแล้ว

ว่าจะเขียนเรื่องเชื้อโรคต่างๆ เกี่ยวกับท้องไส้ให้ละเอียด เพราะเมื่อเขียนถึงเชื้อตัวนำ คือ อี.โคไล แล้วก็น่าจะเขียนถึงเชื้อตัวอื่นๆ ต่อไปให้ครบชุด

พอดีลมร้อนวูบมากลุ่มเบ้อเร่อ เลยรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าอากาศปีนี้คงจะร้อนเป็นการใหญ่ ดินฟ้าอากาศ ผิดเพี้ยนมา 2-3 ปีแล้ว และเจ้าอากาศร้อนนี้แหละเป็นตัวการทำให้เชื้อโรคในท้องไส้ตับไตไส้พุงเจริญ เติบโตดีนัก ก็เลยคิดว่าขอเขียนเรื่องโรคท้องไส้ควบคู่ไปกับการให้ระวังตัวดีๆ ตอนหน้าร้อนนี้เสียเลย

ก่อนจะพูดถึงเชื้อโรคตัวดี (อันที่จริงควรจะเรียกว่าตัวร้ายเนาะ) ก็ขอพูดถึงสาเหตุเสียก่อน สาเหตุเกี่ยวกับเชื้อโรคในท้องไส้นี้เหมือนกันหมด คือ อาหารและความสกปรก

เรื่องของอาหาร ขอคุยกันเรื่องผักสดก่อน เรื่องผักสดที่ปลูกโดยใช้อุจจาระรดผัก เพราะ เห็นว่าเป็นปุ๋ยดีนี้ ทางยุโรป อเมริกาไม่มี แต่ทางเอเชีย เช่นที่เมืองจีน เวียดนาม แม้แต่ของไทยเราเองก็เห็นมีการใช้อุจจาระ รดผักกันอยู่ ถ้าอุจจาระไม่มีเชื้อโรคก็แล้วไป ถ้ามีเชื้อโรคแล้วไปรดผัก ผักนั้นก็ติดเชื้อโรคได้ และถ้ามี แมลงวันบินมา เกาะอุจจาระที่รดผักนั้น ก็ยิ่งแพร่ไปตามแผงขายเนื้อ ขายหมู หรือขายเนื้อสัตว์ต่างๆ ดีนัก แม้แต่ ผลไม้และอาหารอื่นๆ ที่ถูกแมลงวันตอมก็มักจะไม่มีเว้น

หน้าร้อนมาถึงแล้วนะครับ ช่วยกันระวังให้มากๆ เพื่อตัวคุณเองและลูกหลานของคุณด้วย

นอกไปจากนั้น การปรุงอาหารตามร้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแผงลอยและรถเข็น คนขายไม่เคยได้ล้างมือเลย เวลาปรุงอาหารก็แน่นอนอีกเหมือนกัน ที่เชื้อโรคจากความสกปรกจะ ขยายมาถึงเราได้อย่างง่ายดาย

เมื่ออาหารตกถึงท้องเรา มันจะขยายตัวได้เร็วกว่าปกติมากมายหลายเท่า และเมื่อเราถ่ายลงส้วมซึ่งปิด ไม่มิดชิด หรือถ่ายลงแม่นํ้าลำคลอง เชื้อโรคเหล่านั้นก็แพร่ขยายไปถึงสัตว์นํ้า ปลา หอย ปู กุ้ง ฤดูร้อน อย่างนี้ระวังให้ดีอีกเหมือนกันครับ อย่ากินอาหาร หรือซื้ออาหารเหล่านี้แบบสุกเอาเผากินเป็นอันขาด

โดยเฉพาะหอยนั้น ต้องระวังมากๆ ทั้งหอยนํ้าจืด นํ้ากร่อย และนํ้าทะเล หอยนั้นส่วนมากมักจะอยู่ ในนํ้าตื้น และกินอาหารสกปรกจากเศษขยะนํ้าเสีย และจากโคลนตมนํ้าเน่าทั้งหลาย บางคนชอบ กินหอยลวกสุกๆ ดิบๆ เพราะเห็นว่ามันรสหวานดี อย่าเชียวนะครับ ผมไหว้ล่ะ ไหว้ด้วยความรัก และห่วงคุณๆ คอเหล้าจริงๆ อย่ากินเลยครับ

หอยแครง หอยแมลงภู่ และหอยนางรมก็เหมือนกัน ตอนหน้าแล้งหอยตัวเล็กและสกปรก ยิ่งหอยซึ่งส่งไปภาคเหนือและภาคอีสาน โอ้โฮ น่าดูจริงๆ ดูได้ ดมได้ แต่อย่ากิน

นอกไปจากนั้น เชื้อโรคบางตัว เช่น ซาลโม-เนลลา (SALMONELLA) ซึ่งบางคนเรียกว่าไข้รากสาดน้อย ยังค้นพบในอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ด้วย อาหารพวกนี้ถ้าเป็นประเภทดิบๆ อันตรายยิ่งมาก หรือบางทีอาหารซึ่งแช่เย็นแข็งไว้แล้ว เวลาเอามาทำอาหารไม่ใช้ความร้อนต้ม-เคี่ยว หรือผัดจน อาหารละลายหมดจริงๆ เชื้อซาลโมเนลลาก็ยังมีชีวิตอยู่ในอาหารได้

เชื้อโรคต่างๆ ที่ทำให้เกิดโรคจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดเช่นนี้คือ ลักษณะที่เราเรียกรวมๆ อาหารเป็นพิษ

อาการของอาหารเป็นพิษซึ่งเกิดจากเชื้อโรคต่างๆ ในท้องไส้ ของเรานั้น จะมีอาการเหมือนๆ กัน คือ

1. ท้องเดิน-ท้องเสีย บางครั้งถ่ายออกมาเป็นเลือด

2. ปวดท้องอย่างรุนแรง

3. มีไข้ตํ่าๆ กลับไป กลับมาตลอดวัน

4. คลื่นไส้-อาเจียน

5. ปวดตามเนื้อตามตัว และปวดหัว

อาการต่างๆ เหล่านี้จะเกิดจากเชื้อโรคต่างๆ ในท้องไส้ของเราเกือบจะเหมือนกันหมด แต่ความร้ายแรง ของท้องเดิน-ท้องเสียของแต่ละโรคนั้นจะไม่ใคร่คล้ายกัน จะต้องสังเกตให้ดีถึงความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึ่งเกิดจากไวรัสและเกิดจากแบคทีเรีย

เคยมีรายงานว่า ในผู้ที่ป่วยด้วยโรคเอดส์จะมีอาการท้องเดิน ซึ่งเกิดจากไวรัสประเภท CYTOME-GALOVIRUS ซึ่งอาการท้องเดินจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในระยะ 2-3 วัน นอกไปจากนั้น ผู้ที่อยู่ในกลุ่ม โฮโมเซ็กชวล ยังเกิดอาการท้องเดินควบคู่ไปกับการเกิดโรคเริมในทวารหนัก และบางทีก็เกิดถ่าย เป็นเลือด สลับกับท้องผูกอย่างรุนแรงก็มี

เชื้อที่สำคัญและรุนแรงมากคือ ซาล-โมเนลลา หรือไข้รากสาดน้อยดังกล่าวแล้ว จะมีผู้ที่ป่วยจาก การที่อาหารเป็นพิษนี้พบว่าจะมีเชื้อซาลโมเนลลาถึงหนึ่งในสามของโรคทั้งหมด

เพราะฉะนั้น เชื้อตัวนี้จัดได้ว่าเป็นเชื้อที่แพร่หลายมากที่สุดในบรรดาโรคที่เกิดกับท้องไส้ทั้งหมด

และที่ค่อนข้างจะฟังดูตลกก็คือ มีรายงาน (ของฝรั่ง) ว่าได้พบเชื้อซาลโมเนลลาในกัญชาและโคเคน ในหมู่พวกนักติดยาเสพติดด้วย

ที่เป็นดังนี้เพราะกัญชานั้นจะแอบปลูกกันในป่าละเมาะ ดินที่ปลูกถ้าเป็นดินชื้นก็จะมีเชื้อตัวนี้อยู่ในดิน หรือมิฉะนั้นถ้าตัดกิ่งและใบกัญชามาอัดในหีบหรือในตะกร้า เกิดชื้นขึ้นมาก็ทำให้เชื้อ ซาลโมเนลลาเข้าไปอาศัยอยู่ได้

และที่เข้าไปอยู่ในโคเคนด้วย ก็เพราะมีนักค้ายาเสพติดเอากัญชากับโคเคนไปผสมเข้าด้วยกันแล้ว มวนบุหรี่สูบ

นี่แหละครับสาเหตุของการเจ็บป่วย ก็เนื่องมาจากการติดยาเสพติดโดยแท้

ก่อนจะคุยกันสนุกๆ ถึงวิธีแก้โดยใช้ยากลางบ้านเกี่ยวกับโรคของท้องไส้นี้ ขออนุญาตรวบรวม รายละเอียดสั้นๆ ของเชื้อโรคต่างๆ ไว้ดังนี้

1. เชื้อสตาฟไพโลคอกคัส ออรีอุส (STAPHY-LOCOCCUS AUREUS)

ระยะฟักตัว 1-6 ชั่วโมง

ระยะเวลาที่ป่วย ประมาณ 1-3 วัน

สาเหตุ-มาจากอาหารประเภทเนื้อ-ปลา-อาหารแช่เย็น ขนมไส้ครีม อาหารประเภทนม เนย สลัดผัก ผัก ผลไม้

อาการ ท้องเสีย และมีแก๊สมาก ปวดท้องรุนแรง อาเจียน

2. เชื้อซาลโมเนลลา (SALMONELLA) เชื้อตัวนี้แพร่หลายมาก เมื่อสมัยเรียนหนังสืออาจารย์

เคยเอาเชื้อสดๆ ให้ดู เห็นแล้วขนลุก ตัวกลมรูปไข่ มีขายาวรุ่มร่ามยิ่งกว่าขาปลาหมึกเป็นสิบเท่า น่าเกลียดมาก

ระยะฟักตัว 5-72 ชั่วโมง

ระยะเวลาป่วย 2-5 วัน

สาเหตุ อาหารไข่ เป็ด ไก่ เนยแข็ง นํ้า อาหารจากไข่ดิบ เนื้อดิบ หรืออาหารสกปรกติดจากอุจจาระ

อาการ ไข้ ท้องเดิน (บางครั้งมีเลือดออก) คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง

3. เชื้อชิเกลลา (SHIGELLA)

ระยะฟักตัว 84-96 ชั่วโมง

ระยะป่วย 5-7 วัน

สาเหตุ นํ้าและอาหารที่ติดมาจากอุจจาระ

อาการ ไข้สูง ท้องเดิน ตัวแห้งขาดนํ้า ปวดท้อง ชักตัวแข็ง

4. อี.โคไล (ได้พูดถึงใน 3 ฉบับก่อนแล้ว)

นอกจากนั้น ยังมีเชื้ออื่นๆ ซึ่งไม่ค่อยสำคัญนักอีก 5-6 ตัว แต่ตัวสำคัญอีกตัวหนึ่งคือ เชื้อแบคทีเรีย CLOSTRIDIUM BOTULINUM ซึ่งร้ายแรงมาก และทำให้คนตายทุกราย เชื้อตัวนี้เกิดขึ้นจาก อาหารกระป๋อง และอาหารซึ่งดองเก็บไว้กินเอง

แต่โชคดีที่เชื้อโรคตัวนี้ไม่เกิดขึ้นเลยสมัยนี้ อาจจะเป็นเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่นี้ดีขึ้นมากก็เป็นได้

แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์บางคนสกัดเชื้อโรคตัวนี้มาทำเป็นยาฉีดแก้หน้าเหี่ยว-หน้าย่น ต้นทุนไม่เท่าไหร่หรอกครับ แต่คิดค่าเสริมสวยกันแพงเหลือเกิน.

Copy right(c)2000 by Vacharaphol Co.,Ltd.
1 Viphavadirangsit Rd. Bangkok 10900 Thailand Tel.(662) 272-1030 Fax. (662) 272-1324

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น