แทบจะทุกครั้งที่ผมไปร่วมประชุมกับกลุ่มนานๆ พักร่วมกัน 3-4 วัน จะต้องเจอผู้ป่วยที่มีอาการท้องเดินทุกครั้ง
เคยเขียนมาเล่าให้ฟังหลายครั้ง ถึงครั้งที่ร้ายแรงที่สุด คือการประชุมของกลุ่มแพทย์ทั่วประเทศที่เชียงใหม่ เมื่อประมาณ 4 ปีมาแล้ว แพทย์เกือบ 40 คน ป่วยท้องเดินต้องหามเข้าโรงพยาบาล การประชุมต้องยุติลงกลางคัน แพทย์บางคนป่วยนานเป็นปี เนื่องมาจากอาการท้องเดินจากการประชุมครั้งนั้น
นั่นเป็นการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ SALMONELLA ที่รุนแรงที่สุดที่ผมเคยพบมา หลังจากนั้นในการประชุมทุกแห่งที่ผมเข้าไปร่วมด้วย ก็ไม่เคยขาดผู้ที่จะต้องป่วยด้วยอาการท้องร่วง-ท้องเดิน แม้แต่ครั้งเดียว
เชื่อหรือไม่ ถ้าผมจะสรุปง่ายๆ ว่าโรคเกี่ยวกับท้อง ท้องร่วง ท้องเดิน เหล่านี้คือโรคประจำตัวคนไทยทั่วประเทศไปแล้ว
ไปประชุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของการประชุมไปถึง ก็เกิดอาการท้องเดินจนลุกไม่ขึ้น ต่อจากนั้นก็ตามด้วยการเป็นไข้ ปวดหัว ปวดตัว ต้องนอนซมอยู่ตลอด 3-4 วัน ของการประชุม
เคราะห์ดีที่ทุกครั้งที่ไปร่วมประชุม ผมจะเตรียมยา และเตรียมตัวไปเจอกับโรคท้องเดิน ท้องเสีย ทุกครั้ง อาการของเจ้าหน้าที่คนนั้นจึงไม่ถึงกับป่วยหนักจนต้องหามเข้าโรงพยาบาล
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ทำให้ผมกลัวเรื่องการป่วยเกี่ยวกับท้องเดิน ท้องเสีย เป็นอย่างยิ่ง เพราะคนไข้ที่เคยมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บร้ายๆ อย่างเช่น มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ ล้วนแต่มีอาการเกี่ยวกับท้องเดิน ท้องเสียมาก่อนทั้งสิ้น
บางคนอาการไม่ถึงกับเป็นมะเร็ง แต่ก็จะเกิดอาการลุกลามเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นโรคไต โรคเกี่ยวกับม้าม และบางคนลุกลามไปถึงเป็นโรคปอดก็มี ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเชื้อ SALMONELLA นั้น จะไม่อยู่อาศัยในช่องท้อง-กระเพาะ-ลำไส้ แต่อย่างเดียวเท่านั้น แต่จะกระจายเข้าในกระแสโลหิตได้ และเมื่อเข้ากระแสโลหิตแล้วก็ไปถึงตับถึงไต ถึงปอดได้ ถ้าหากร่างกายอ่อนแอหรือ IMMUNE SYSTEM แต่ไม่แข็งแรงก็เลยกลายเป็นโรคร้ายได้
SALMONELLA เป็นเชื้อโรคครอบครัวใหญ่ มีเชื้อโรคอยู่ในกลุ่มหรือครอบครัวนี้ถึงกว่า 12,000 ตัว เป็นเชื้อโรคชนิดเบาๆ ไม่มีพิษสงมากมายบ้าง เชื้อโรคร้ายแรงทำให้ตายได้บ้าง ที่ร้ายแรงที่สุดก็อย่างเช่น ไทฟอยด์ หรือไข้รากสาด เป็นต้น
ต้นเหตุสำคัญก็คืออาหาร อาหารที่ติดเชื้อ SALMONELLA มักจะเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรือบางครั้งก็มีโปรตีนชนิดอื่นที่ทำเป็นอาหารสำเร็จรูปอย่างเช่น นม ไข่ เป็นต้น
ในกรณีของเจ้าหน้าที่การประชุมที่ป่วยคราวนี้ เธอมีอาการท้องเสียมาก่อน ตามด้วยอาการปวดท้อง และจะเป็นด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือเรียนรู้อะไรมาผิดๆ ก็ไม่ทราบ เธอเชื่อว่าการปวดท้อง เป็นเพราะกระเพาะอาหาร เธอจึงไปซื้อนมกล่องมาดื่มเป็นการใหญ่ เพราะเชื่อว่านมจะไปช่วยเคลือบกระเพาะ ทำให้หายจากการท้องเดิน
แต่มันกลับตรงกันข้าม เราไม่ทราบว่านมนั้นติดเชื้อมาด้วยหรือเปล่า รุ่งขึ้นเธอก็เกิดอาการท้องเดินติดๆ หกันจนลุกไม่ขึ้น ต่อจากนั้นก็เกิดการอาเจียน และไข้ขึ้น เธอไม่เคยรู้เรื่องการติดเชื้อ SALMONELLA มาก่อน เข้าใจว่าอาการท้องเดินอย่างนี้ เป็นเพราะอาการแบบที่ชาวบ้านเรียกว่า “ท้องเสีย” เฉยๆ
เชื้อ SALMONELLA บางตัวมีความอดทนมาก ขนาดในเนื้อสัตว์แช่แข็งมาแล้ว จนเป็นน้ำแข็งก็ยังอาศัยมีชีวิตอยู่ได้ ที่อเมริกาจะมีข่าวแทบทุกปี เช่น ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเทศกาลวันขอบคุณพระเจ้า และเดือนธันวาคม เทศกาลคริสต์มาส ชาวอเมริกันจะเฉลิมฉลองด้วยการกินไก่งวงด้วย
ปรากฏว่าทุกปีจะมีคนป่วยด้วย SALMO-NELLA จากเนื้อสัตว์แช่แข็งเหล่านี้ พอพบว่ามีคนป่วยเมื่อไหร่ ทางซุปเปอร์มาร์เกตหรือบริษัทขายเนื้อสัตว์ ก็จะประกาศขอให้ผู้ซื้อไก่งวงหรือเนื้อสัตว์อื่นๆ รีบเอาเนื้อสัตว์มาคืนทันที พ่อค้าเหล่านี้ต้องถือว่าเป็นพ่อค้ามีคุณธรรม เขายอมขาดทุนเพื่อเห็นแก่ชีวิตและสุขภาพของประชาชน
แต่กับเมืองไทย กลับจากการประชุมคราวนี้เอง ผมขับรถมาตามถนนพุทธมณฑลเพื่อเข้ากรุงเทพฯ มีรถกระบะคันหนึ่งขับฉวัดเฉวียนปาดซ้ายปาดขวาอยู่ข้างหน้า บนรถคันนั้นยกกระบะซึ่งมีแต่ลูกกรงเหล็กขึ้นสูง รับรองว่าสูงเกินกว่าขนาดรถบรรทุกแน่นอน บนกระบะนั้นมีขาหมูชำแหละสดๆ กองทับถมจนถึงขอบลูกกรงเหล็ก ฝนก็ตกพรำๆ ทั้งน้ำฝน ทั้งน้ำเลือด ไขมันรวมกับของสกปรกบนรถกระบะไหลลงใต้รถเหมือนท่อน้ำพุตลอดเวลา
ผมรู้สึกช็อกกับภาพที่ได้เห็น ความจริงภาพรถบรรทุกเนื้อสัตว์เหล่านี้มีให้เห็นตลอดเวลา บางครั้งฤดูที่ไม่ใช่ฤดูฝน เราจะเห็นรถบรรทุกเนื้อสัตว์ เป็นเนื้อท่อนๆ บ้าง เป็นโครงกระดูกเน่าๆ บ้าง เนื้อสัตว์เหล่านี้ไม่มีอะไรปกคลุมอยู่เลย มีแมลงวันตอมหึ่ง กลิ่นเน่าเหม็นคลุ้ง ผ่านรถคันอื่นๆ เมื่อไหร่ คนในรถก็ต้องอุดจมูกเมื่อนั้น
ผมรู้สึกช็อกก็เพราะนึกไม่ถึงว่าภาพอย่างนี้จะปรากฏอยู่ตามถนนใหญ่ๆอย่างเปิดเผยอย่างนี้อีก เข้าใจว่าการฆ่าสัตว์ทุกชนิดต้องผ่านโรงฆ่าสัตว์ ซึ่งผ่านการควบคุมจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี โรงฆ่าสัตว์ต้องสะอาด ต้องมีเครื่องมือทันสมัย และมีรถตู้บรรทุกซึ่งมีตู้มิดชิด มีเครื่องทำความเย็นอยู่ด้วย
แล้วรถบรรทุกเนื้อสัตว์เถื่อนเหล่านี้ออกมาอาละวาดกลางกรุงผ่านสายตาเจ้าหน้าที่ต่างๆ มาได้อย่างไร ตอบได้ตรงๆ คำเดียว-คอรัปชัน-โกง-กิน-สินบน โกงกันตลอดตั้งแต่หัวถึงหาง
เพราะฉะนั้น เชื่อหรือยังครับว่า เรื่องโรคเกี่ยวกับท้อง โรคง่ายๆ อย่างเช่น ท้องร่วง ท้องเดิน จะไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทย และจะยิ่งร้ายแรงจนกลายเป็นโรคตับ ถุงน้ำดี โรคไต และโรคปอดถึงตายอีกมากมายต่อไป
ปกตินั้นโรคติดเชื้อ SALMONELLA เกี่ยวแก่ท้องเดิน ท้องเสียนั้น ถ้าอาการไม่มากนัก แพทย์ ทั่วไปจะแนะนำให้นอนพัก หยุดกินอาหารสักมื้อสองมื้อ แล้วดื่มน้ำสะอาด ยิ่งเป็นนํ้าร้อนยิ่งดีมาก
วันที่สอง ที่สาม ถ้าอาการดีขึ้นก็เริ่มอาหารอ่อนๆ ง่ายๆ ไม่ต้องปรุงรสชาติ อย่างเช่นข้าวต้มเปล่าๆ ขนมปังปิ้ง เป็นต้น
แต่ถ้าอาการมากกว่านี้ เช่นท้องยังเดินอยู่ หรือยังอาเจียนอยู่ ก็มักจะเกิดอาการที่เรียกว่า ขาดนํ้า (DEHYDRATION) ก็คงต้องไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล เพราะคุณอาจจะต้องให้ นํ้าเกลือและอาจจะต้องใช้ยาประเภทแอนตี้-ไบโอติคก็ได้
แต่อย่าไปปรึกษาหมอตี๋เป็นอันขาด เพราะเท่าที่เห็นมา เขาจะจัดยาชนิดแรงๆ ให้ นอกจากจะให้แอนตี้-ไบโอติคแล้ว เขายังให้ยาแก้ท้องเสียอย่างแรงๆ อย่างเช่น ยาประเภทคลอแรม หรือซัลฟา เป็นต้น
ยาประเภทนี้จะทำให้คุณอ่อนเพลีย หมดแรง และโรคของคุณจะยืดระยะไปอีกนานกว่าจะหาย ที่เตือนอย่างนี้ ผมไม่ได้พูดเอง แต่จากการศึกษาและรายงานการค้นคว้าของกลุ่มนาย แพทย์มาร์วิน เอช สไลน์ ซิงเกอร์ และจอห์น เอส ฟอร์ดแทรน แห่ง รพ.ฟิลาเดลเฟีย รายงานไว้อย่างละเอียดใน “GASTROINTESTINAL DISEASE : PATHOPHYSIOLOGY, DIAGNOSIS, MANAGEMENT”
และเมื่อคุณรักษาตัวดีแล้วสัก 2-3 วัน ก็เริ่มกินอาหารที่แคลอรีสูงๆ ได้ ใช้สูตรอาหารชีวจิต แต่เพิ่มอาหารปลา หรืออาหารทะเล อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งได้
ควรเพิ่มวิตามิน B1, B6, B12, B COMPLEX อย่างละเม็ด ทุกวันด้วยครับ.
ไทยรัฐ ๑๕ ก.ค.๔๕
คัดลอกมาจาก http://www.geocities.com/thatboon/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น